"ประยุทธ์" โชว์ผังป.ย.ป.ส่งไม้ต่อรบ.ปชต. แจง นั่งคุมกก. 4 คณะเอง ประชุมป.ย.ป.นัดแรก ซ้อมกรอบ-วางแผนบริหารราชการแผ่นดินระยะ 2 สู่การปฏิรูป เน้นสร้างความเข้มแข็งให้ขรก. ยันด้วยคำสัตย์ ไม่มีดีลปรองดองวางอนาคตการเมืองตัวเอง-รบ. เผย เชิญ “ประเวศ-คณิต” ที่ปรึกษาชุด “ประวิตร” ขออย่าพูดเยอะสินบน หวั่นป.ป.ช.ตปท.ไม่กล้าให้ข้อมูล
วันนี้ (30ม.ค.) เมื่อเวลา 17.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ ครั้งที่ 1/2560 และมอบนโยบายและซักซ้อมความเข้าในการทำงานของคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความปรองดองสามัคคี (ป.ย.ป.) ให้กับคณะกรรมการทั้ง 4 คณะ และสำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี (PMDU) ว่า วันนี้เป็นการประชุมสั่งการใน 2 ประเด็น หลังจากที่ตนได้จัดตั้งคณะทำงานขึ้นมา 4 คณะ ประกอบด้วคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ คณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ และคณะกรรมการสร้างความปรองดอง โดยทั้งหมดจะนำนโยบายลงสู่สำนักงาน PMDU ที่มีนายอำพน กิตติอำพน ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ ซึ่งจะนำไปปฏิบัติและขับเคลื่อนไปสู่กลไกประชารัฐ ประกอบด้วย กระทรวง ทบวง กรม ภาคเอกชน และประชาชน ให้รับรู้ว่าเราจะเดินหน้าประเทศอย่างไร
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ทั้งหมดคือโครงสร้างที่ตนได้คิดขึ้นมา เพื่อเป็นการบริหารราชการแผ่นดินในระยะที่ 2 คือการปฏิรูป ให้เกิดความชัดเจนขึ้น และเตรียมการที่จะส่งต่อไปตามยุทธศาสตร์ชาติในรัฐบาลหน้า และจะต้องสอดคล้องกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติที่จะต้องจัดตั้ง เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับถาวรมีผลบังคับใช้แล้ว โดยตนจะนำคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชุดนี้ดำเนินการเตรียมการไว้ก่อน ซึ่งวันหน้าจะเหลือแต่คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเพียงอย่างเดียวที่จะอยู่กับรัฐบาลต่อไป อย่างน้อยจะทำให้ 5 ปีแรก ของรัฐบาลต่อไป ซึ่งจะเป็นใครไม่ทราบทำงานให้ต่อเนื่องอย่างที่ได้ทำไว้วันนี้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า โดยการประชุมครั้งนี้ได้เชิญปลัดกระทรวงมาร่วมรับฟังนโยบายด้วย เพราะฝ่ายข้าราชการจะเป็นผู้ปฏิบัติงาน จึงต้องทำให้เขาเกิดความเข้มแข็ง ถ้าเขาเข้าใจคิดและทำแบบที่เราทำมาตลอด 2 ปี จะเดินหน้าไปได้เร็วมากขึ้น และวันหน้าข้าราชการจะเข้มแข็งด้วยตัวเขาเอง จะลดปัญหาภายในโดยเฉพาะเรื่องการแต่งตั้ง หรือการถูกแทรกแซง สิ่งสำคัญต้องเตรียมการปกป้องและป้องกันการปราบปรามการทุจริตด้วย จึงต้องมีคณะกรรมการขึ้นมาบริหารงานเชิงบูรณาการ ซึ่งจะเกี่ยวกับเรื่องของงบประมาณ โดยจะดูรายละเอียดของคณะกรรมการทั้ง 4 คณะ ว่าจะขับเคลื่อนกันอย่างไร จะเอางบประมาณที่ไว้ใช้จ่ายตรงนี้ ทั้งหมดจะยึดโยงกัน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า หลายคนอาจจะไม่เข้าใจมองว่าคสช.จะทำเป็นหรือไม่ หรือจะทำคนเดียว มันไม่ใช่ เพียงแต่เป็นหัวเป็นคนคิดให้ แม้แต่ตนเป็นรัฐบาลก็มีที่ปรึกษาจากหลายภาคส่วน รวมถึงที่ภายในทำเนียบรัฐบาล โดยสรุปตนเป็นประธานคณะกรรมการทั้ง 4 คณะ แต่มอบให้รองนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ขับเคลื่อน เพราะตนจะทำคนเดียวคงไม่ไหว โดยจะให้นโยบายเองทั้งหมด ทั้งนี้รองนายกรัฐมนตรีจะทำหน้าที่สั่งงานโดยมีอนุกรรมการอยู่ข้างล่าง เพื่อที่จะลดแรงกดดัน ไม่เช่นนั้นทุกคนก็กดดันพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม อยู่อย่างนี้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ฉะนั้นคณะกรรมการปรองดองที่ทุกคนอยากรู้ว่าจะทำงานกันอย่างไร สำคัญที่สุดคือมีคณะกรรมการฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายการเมือง ฝ่ายเศรษฐกิจสังคม ซึ่งอยู่ข้างล่างฝ่ายเหล่านี้เขาจะเอาสิ่งเหล่านี้มาคุยอันไหนที่ตรงกันก็จะเสนอขึ้นมาเพื่อที่จะมาคุยต่อ
“ฝ่ายกฎหมายก็จะไปดูเรื่องคดีที่อ้างกันว่าไม่เป็นธรรมว่ามีคดีอะไรอยู่บ้างและสร้างการรับรู้กับสังคมให้ได้ ส่วนจะทำอย่างไรก็ไปว่ากันอีกที ซึ่งไม่ใช่การนิโทษกรรมทุกคนต้องไปเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้ก่อนเพราะมีกฎหมายเดิมอยู่แล้ว ต้องเข้าสู่การพิจารณาของศาล เมื่อศาลตัดสินและรับโทษแล้วพอสมควรมันก็จะเป็นลดโทษ นิรโทษกรรมไปในแนวทางอย่างนี้มากกว่า อย่ามามองว่าอยู่ดีๆ ยังไม่เข้ากระบวนการแล้วให้ออกคำสั่งมาตรา 44 นิรโทษ ผมทำไม่ได้ ต้องถามประชาชนด้วย” นายกฯกล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า การทำงานของปรองดองสำคัญที่สุด เพราะจะทำให้ 3 คณะแรกทำงานได้ ไม่อย่างนั้นทางนี้ก็จะตีกันอยู่แบบนี้ มีฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายการเมือง ฝ่ายเศรษฐกิจทุกคนอยากจะพูดหมด นักวิชาการ สื่อก็มี คุณก็ไปอยู่ในนั้นด้วย คุณต้องการอะไรจะเอาอะไรก็ไปคุยในนั้น แล้วหาข้อยุติขึ้นมานำไปสู่การปฏิบัติ อย่าไปตีกันเพราะยังไม่ทำอะไรก็ไปตีกันตั้งแต่ต้นแล้ว ตนเห็นเถียงกันมา 2อาทิตย์พาดหัวทุกวัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมก็หงุดหงิดทุกวันเพราะถามคำถามที่ยังไม่เกิด
“ยืนยันว่าเราไม่จำเป็นที่จะไปทำเพื่ออะไร เพียงแต่สร้างความเข้มแข็งในอนาคตเพื่อให้คณะเหล่านี้ส่งต่อไปสู่รัฐบาลหน้าอย่างไร ไม่ได้มองว่าจะมีการดีล มันจะดีลกับใครใครจะมาดีลกับผมแล้วดีลเขาเรื่องอะไร ผมยืนยันด้วยคำสัตย์ของผม ผมไม่ได้ดีลกับใครทั้งสิ้น อะไรก็ตามที่พูดกันไปมาในสื่อใครพูดก็แล้วแต่ ถ้าผมไม่ได้พูดเรื่องนั้นจากปากของผมจะไม่เกิดขึ้นทั้งสิ้น เพราะผมเป็นคนตัดสินใจ เข้าใจหรือยัง มันก็มีการพูดกันไปมาว่าการสร้างความปรองดองขึ้นเพื่อจะมาวางอนาคตทางการเมืองของผมหรือของรัฐบาล มันไม่ใช่ของผม วันหน้าจะเกิดอะไรก็เรื่องของวันหน้า ผมไม่ต้องการไปสู่เรื่องการเมืองทั้งสิ้น การเมืองคือการเมืองก็ว่ากันไปผมก็อยู่ของผมตรงนี้ก่อนที่จะทำงานตรงนี้ให้เสร็จโดยเร็ว อย่าเอามาพันกันเลย ถ้ายังตีกันอยู่เรื่องปรองดองมันทำอย่างอื่นได้หมดเพราะทุกคนจะลุกมาพูดโน่นพูดนี่ และไปกันใหญ่โต”นายกฯกล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า เรื่องการทุจริตก็มีกลไกตรวจสอบอยู่แล้ว เขาว่าถูกก็คือถูก ว่าผิดก็คือผิด การลงโทษเมื่อเขาตัดสินมาก็ต้องยอมรับ ไม่มีอะไรที่ถูกใจทุกคนได้ ทุกคนก็จะเอาให้มั่นคั้นให้ตาย ก็แน่นอนกฎหมายต้องทำแบบนั้นอยู่แล้ว แต่ต้องเคารพกระบวนกฎหมาย ถ้าคิดเองเออเองก็ไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น จับคนติดคุกให้หมด ก็ต้องไปสอบสวนทวนความกันมาอย่าไปเร่งรัดกันนัก มันจะทำให้ชื่อเสียงประเทศเสียไปดื้อๆ ยังหาคนทำผิดไม่ได้เลยก็ต้องรอเขาส่งมา เรื่องคดีสินบนสินบาปเหล่านี้อย่าเพิ่งไปคิดตรงนั้น ตอนนี้ป.ป.ช.ของต่างประเทศเขาจะไม่กล้าให้แล้ว เพราะพูดกดดันเยอะ เขาก็กลัวเหมือนกัน เพราะกฎหมายแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน กฎหมายเรามีทั้งผู้ให้ผู้รับถูกลงโทษหมด อยากจะบอกว่ามันไม่ง่ายนักหรอกการขับเคลื่อนประเทศที่เราต้องการ ถ้าจะง่ายต้องทำแบบเดิมๆ ง่ายที่สุดและแก้ปัญหาอะไรกันไม่ได้ น้ำท่วมก็ท่วมเหมือนเดิม วันนี้ถึงตั้งใจเต็มที่มันยังทำไม่ค่อยได้เลย เพราะติดกระบวนการประชาชนการทำประชาพิจารณ์ซึ่งเรางดเว้นไม่ได้ แต่จะทำอย่างไรให้คนเข้าใจนี่คือยุทธศาสตร์ชาติ การบริหารงานเชิงยุทธศาสตร์จะบอกอนาคตว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่จะเกิดหรือไม่เกิดขึ้นอยู่กับพวกเรา กับรัฐบาลว่าจะอะไรต่อไปแล้วไปบังคับไม่ได้ด้วยว่าจะทำหรือไม่ทำ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การปรองดองคือต้องปรองดองกับทุกคน คณะกรรมการมีตั้งกี่คณะ ก็ไปปรองดองกับกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ และเมื่อกลุ่มนี้ตกลงกันได้ก็ไปเชื่อมต่อกับกลุ่มนั้น ต้องทำงานอย่างมีขั้นตอน อยู่ดีๆ มานั่งคุยกันจะจบหรือไม่ ไม่จบหรอกเราเคยทำมาแล้ว เคยตั้งศูนย์ปรองดองของ คสช. นำนักการเมืองมาพูดคุยกัน เขายังไม่มาเลย แต่กลับนำไปพูดกันข้างนอกว่าต้องการอย่านั้นอย่างนี้ ไปพูดผ่านสื่อ สื่อก็นำไปขยายให้เขา ต่อไปนี้ต้องมาพูดในนี้ ถ้าไม่มาก็อย่ามา สื่อต้องไปบีบให้เขามาและหาทางออกให้ได้กับพรรคอื่นๆ เขาด้วย ไม่ใช่พรรคนี้จะเอาอย่างนี้อย่างเดี๋ยว ตนทำตามให้ไม่ได้
เมื่อถามว่า แนวคิดปรองดองของนายกฯ ใช้อะไรเป็นตัวนำ พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า ปรองดองคือทุกคนต้องอยู่อย่างสงบสันติ และสนับสนุนการเดินหน้าของทุกรัฐบาล ไม่ใช่เอาการเมืองมานำแล้วขัดแย้งกันอย่างนี้ ซึ่งตอนนี้ทุกคนเข้าใจว่าการปรองดองต้องพูดเรื่องคดีอะไรต่างๆ นั้นมันไม่ใช่เรื่องคดีก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและต้องแก้ไปทางนั้น ซึ่งคณะอนุกรรมการฝ่ายกฎหมายต้องไปหามาเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ใครมีคดีต้องกลับมาสู้คดี ถ้าไม่สู้ก็ไปต่อไม่ได้ และตนยกโทษให้ไม่ได้ ถ้าอยากจะยกโทษให้ ให้ไปรัฐบาลต่อไปตนไม่ทำ
เมื่อถามว่า ถ้าคุยแล้วนักการเมืองยังกลับมาเหมือนเดิม นายกฯ กล่าวว่า “ผมจะไปรู้ไหม ก็ไปถามนักการเมือง มาถามผม ผมเป็นคนจัด เขาเป็นคนคุย” เมื่อซักว่าจะต้องมีกฎหมายหรือไม่ หากไม่ทำถามสัตยาบัน นายกฯ กล่าวว่า “เขามีหรือ กฎหมายแบบนี้ มันบังคับได้หรือ กฎหมายอาญายังบังคับไม่ได้เลย ตีกันยิงกันอยู่หน้าประตูเนี่ย จะให้ออกกฎหมายว่านักการเมืองจะต้องอย่างนั้นอย่างนี้หรือ แค่รัฐธรรมนูญออกมายังจะตีกันตายอยู่ ไม่ยอมรับอะไรสักอย่าง อยากกลับมาก็ทำแค่ธรรมาภิบาลให้ได้ ซื่อสัตย์ สุจริต บริหารงานเชิงยุทธศาสตร์ ให้มีอนาคต สร้างความยั่งยืน ทำได้ไหมแค่นี้ ต้องออกกฎหมายไหม ไม่เห็นต้องออกเลย แต่ถ้าเขาไม่ทำ ใครจะเป็นผู้ทำให้เขา ก็ประชาชนไง ทั้งหมดต้องอยู่ภายใต้กลไกประชาชนและกฎหมาย นี่คือการปรองดอง”
นายกฯ กล่าวต่อว่า การปรองดองไม่ใช่เฉพาะนักการเมือง มันมีหลายกลุ่มวันนี้ขัดแย้งด้วยเรื่องอะไรกัน สื่อเลือกข้างก็ยังมีอยู่ นักการเมืองก็มีหลายกลุ่มหลายฝ่าย นักวิชาการก็มีการพูดใหญ่โตคนละเรื่องสองเรื่อง ซึ่งคณะกรรมการปรองดองก็มีหลายคณะ โดยในส่วนข้างบน ทั้ง นพ. ประเวศ วะสี นายคณิต ณ นคร ก็เชิญมาเป็นที่ปรึกษา พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในฐานะรองประธานคณะกรรมการสร้างความสามัคคีปรองดอง โดยตนก็ถอดเนื้อหามาทั้งหมดว่ามีกี่ข้อ ซึ่งมีตรงกันบ้างไม่ตรงกันบ้าง อันไหนตรงก็ทำกัน อันไหนไม่ตรงก็เอาไว้ก่อน แต่ทั้งหมดไม่ตรงกับนักการเมืองหรอก เพราะเขามีธงของเขาแล้ว แต่ตนไม่มีธง เราต้องปรองดองเพื่อให้บริหารราชการได้ โครงการต่างๆ เม็ดเงินลงสู่ข้างล่างแก้ปัญหาน้ำท่วม การเกษตร เศรษฐกิจ รายได้ประชาชน นี่คือสิ่งที่เราทำใหม่ทั้งหมด แต่ผลยังไม่ออกร้อยเปอร์เซ็นในตอนนี้
เมื่อถามว่า ขณะนี้ได้รายชื่อคณะกรรมการครบหมดแล้วใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็ต้องไปใส่อีก เพราะมีหลายคณะ ก็หาคนที่เหมาะสมแล้วกัน อยากเสนอใครก็เสนอเข้ามา เดี๋ยวจะพิจารณาให้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายเสร็จสิ้นการแถลงข่าวพล.อ.ประยุทธ์ ได้นำข้อมูลเป็นกระดาษเอ 4 จำนวน 5 หน้า ที่เขียนสรุปเป็นแผนผังการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลระยะที่ 1 จากปัจจุบันระยะที่ 1/2 เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ 57-61 เพื่อต่อไปยัง ปี 62-64 ประกอบด้วย งานปกติและงานเชิงยุทธศาสตร์เพื่อบูรณาการ ไปสู่ระยะ 2 ที่มีการตั้งป.ย.ป.โดยโครงสร้างมีนายกฯเป็นประธานฯ แยกการขับเคลื่อนออกเป็น 4 คณะ ได้แก่ คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯเป็นประธานฯ และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯเป็นรองประธานอนุกรรมการฯ คณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ มีพล.อ.ธนศักดิ์ ปฏิมาประกร เป็นรองประธานฯ และพล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกฯเป็นประธานอนุกรรมการฯ คณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติ มีพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกฯเป็นรองประธาน และคณะกรรมการสร้างความสามัคคีปรองดอง มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหมเป็นประธานฯ สู่ระยะที่ 3 ดำเนินการโดยกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ 5-20 ปี เพื่อเตรียมส่งต่อถึงรัฐบาลประชาธิปไตย