xs
xsm
sm
md
lg

รบ.ปลื้มพร้อมเพย์ตอบรับดี ยกระดับศักยภาพการเงิน ย้ำรักษาความปลอดภัยรัดกุม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (แฟ้มภาพ)
โฆษกรัฐบาลเผยประชาชนตอบรับพร้อมเพย์ดี หลังเปิดบริการพร้อมกัน 27 ม.ค. ชี้โอนเงินสะดวกรวดเร็วเพียงปลายนิ้วสัมผัส แทบไม่เสียค่าธรรมเนียม ช่วยยกระดับศักยภาพการเงินประเทศ ย้ำมีระบบรักษาความปลอดภัยรัดกุม

วันนี้ (30 ม.ค.) พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังจากที่รัฐบาลได้เปิดให้บริการพร้อมเพย์ หรือการโอนและรับเงินแบบใหม่อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 27 ม.ค. พบว่าประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น เช่น โอนเงินได้ทันทีทุกที่ทุกเวลา เพียงใส่หมายเลขโทรศัพท์มือถือ หรือเลขประจำตัวประชาชนที่ลงทะเบียนกับพร้อมเพย์ไว้

“ข้อดีของพร้อมเพย์ คือ ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม หรือเสียน้อยมากเมื่อเทียบกับการทำธุรกรรมตามปกติ แม้จะโอนต่างธนาคาร เช่น โอนเงินครั้งละไม่เกิน 5,000 บาท จะไม่เสียค่าธรรมเนียม โอนเงิน 5,000 ถึงไม่เกิน 30,000 บาท เสีย 2 บาท โอนเงิน 30,000 ถึงไม่เกิน 100,000 บาท เสีย 5 บาท โอนเงิน 100,000 บาทขึ้นไป เสีย 10 บาท โดยธนาคารอาจมีการแข่งขันให้ค่าธรรมเนียมถูกลงได้อีก จึงอยากให้ประชาชนไปลงทะเบียนพร้อมเพย์ที่ธนาคารที่ตนเองมีบัญชีอยู่หรือผ่านระบบออนไลน์ก็ได้”

พล.ท.สรรเสริญกล่าวต่อว่า สำหรับข้อกังวลในเรื่องความปลอดภัยนั้น ธนาคารจะมีการตรวจสอบตัวตนของลูกค้าและความเป็นเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์อย่างรัดกุมตามแนวทางปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย นอกจากนี้ ระบบกลางยังมีความปลอดภัยเพราะพัฒนาจากระบบโอนเงินที่เป็นระบบปิด คนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงฐานข้อมูลผู้ลงทะเบียนได้ เพราะไม่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตสู่ภายนอก และยังถูกออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านระบบชำระเงินจากต่างประเทศที่มีแผนรับมือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน รวมทั้งผู้โอนเงินต้องมี Username และ Password ส่วนผู้รับเงินจะนำเงินออกมาใช้ได้ก็ต้องทำธุรกรรมตามปกติ

“พร้อมเพย์ยังมีประโยชน์มากสำหรับธุรกิจในปัจจุบัน โดยเฉพาะ SMEs และ e-commerce เพราะผู้ซื้อเพียงรู้หมายเลขโทรศัพท์ของผู้ขายก็สามารถโอนเงินได้ทันที ไม่ต้องถือเงินสดมากๆ ไม่ต้องจำเลขบัญชีธนาคาร และประหยัดค่าธรรมเนียม ช่วยลดต้นทุนการบริหารเงินสดของธนาคาร ลดต้นทุนของประเทศในการโอนเงินได้ปีละ 1.8 แสนล้านบาท ง่ายต่อการจัดเก็บภาษี ลดปัญหาคอร์รัปชัน และช่วยให้รัฐมีฐานข้อมูลสำหรับใช้ติดต่อประชาชนทุกกลุ่มจากการเชื่อมโยงหมายเลขโทรศัพท์ เลขบัญชีธนาคาร และเลขประจำตัวประชาชน เพื่อจัดสวัสดิการให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย เช่น ผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร คนชรา ฯลฯ”

สำหรับในวันที่ 1 มี.ค. 60 จะเริ่มเปิดให้นิติบุคคลลงทะเบียนใช้พร้อมเพย์ และเริ่มให้บริการโอนเงินได้ทันที รวมทั้งจะเริ่มให้มีการใช้ใบกำกับภาษี (e-Tax Invoice) ทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นหนึ่งในโครงการตามแผนยุทธศาสตร์ National e-Payment ที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพทางการเงินและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้เข้มแข็ง และประชาชนได้รับบริการอย่างมีประสิทธิภาพ
กำลังโหลดความคิดเห็น