xs
xsm
sm
md
lg

“ปู” ขึ้นศาลปกครองกลาง โอดชดใช้จำนำข้าว 3.5 หมื่นล้าน เดือดร้อนเหมือนสิ้นเนื้อประดาตัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศาลปกครองกลางไต่สวนคดี “ยิ่งลักษณ์” ฟ้องนายกฯ รมว.-รมช.คลัง และปลัดฯ ขอถอนคำสั่งชดใช้จำนำข้าว 3.5 หมื่นล้าน เจ้าตัวแจงเป็นความเดือดร้อนทั้งครอบครัวอย่างมากจนบรรยายไม่ออก เป็นหนี้ก้อนโตชั่วชีวิตก็ไม่สามารถใช้ได้หมด แถมยึดทรัพย์ เหมือนคนสิ้นเนื้อประดาตัว ด้านทนายชี้คำสั่งมิชอบหลายประการ



วันนี้ (26 ม.ค.) ที่สำนักงานศาลปกครอง เมื่อเวลา 13.30 น. องค์คณะตุลาการศาลปกครองกลางคณะพิเศษได้ออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนคดีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี รมว.คลัง รมช.คลัง และปลัดกระทรวงการคลัง เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-4 กรณีขอเพิกถอนคำสั่งที่ 1351/2559 ลงวันที่ 13 ต.ค. 2559 ที่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากเหตุขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติปล่อยให้เกิดทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวและเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดแก่ราชการตามอำนาจหน้าที่เป็นเหตุให้กระทรวงการคลังเกิดความเสียหายมูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาทเศษ โดยการไต่สวนดังกล่าวเป็นการไต่สวนตามคำขอของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับใช้ตามคำสั่งดังกล่าวหรือระงับคำสั่งให้ชดใช้เงินดังกล่าวไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางมาพร้อมกับนายนพดล หลาวทอง ทนายความผู้รับมอบอำนาจ และมีกลุ่มมวลชนมาคอยให้กำลังใจจำนวนหนึ่งท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ภายหลังการไต่สวนนานชั่วโมงครึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์เปิดเผยว่า ศาลได้เรียกไต่สวนทั้งสองฝ่าย และให้สองฝ่ายทำคำชี้แจงเพิ่มเติม แต่ในวันนี้ตนได้ชี้แจงถึงความเดือดร้อนเสียหายที่จะเกิดขึ้นหากมีการบังคับคดีว่าในช่วงระหว่างการพิจารณาคดีอยู่และยังเป็นที่สิ้นสุด หากทรัพย์ต่างๆ ถูกยึดอายัด และขายทอดตลาดจะเป็นความเดือดร้อน ทุกข์ใจ และเศร้าใจอย่างมากมาย และเห็นว่าคำสั่งดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งในแง่ของวิธีการ ตัวเลข และหลักคิดทั้งหมด จึงเป็นที่มาของการมาร้องขอความเป็นธรรมต่อศาลปกครองในครั้งนี้ ซึ่งศาลก็ได้ให้ตนทำคำชี้แจงเพิ่มเติมในประเด็นรายละเอียดว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นหลังจากการถูกบังคับคดีในขณะนี้มีแค่ไหนซึ่งจะต้องชี้แจงเพิ่มเติมให้ครบถ้วน

“ไม่ใช่ลำพังแค่ตัวดิฉันเท่านั้นที่เดือดร้อน แต่จะเดือดร้อนถึงครอบครัวด้วย โดยดิฉันมีหลายประเด็นที่ยังทุกข์ใจ ถ้าศาลจะให้โอกาสก็ต้องบอกว่าเป็นความลำบากใจที่ยากจะพรรณณา และบรรยายไม่ออก เพราะเป็นหนี้ก้อนโตมหาศาลที่ชั่วชีวิตก็ไม่สามารถชดใช้ได้หมด และยังต้องมาเจอเรื่องของทรัพย์สิน ถ้าเกิดไม่ได้ชำระจะถูกยึดอายัดและขายทอดตลาด ก็จะเหมือนกับคนที่สิ้นเนื้อประดาตัว มันหนัก พูดสั้นๆ แค่นี้ก็ไม่รู้จะบรรยายอย่างไรแล้ว” น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว

ด้านนายนพดลกล่าวว่า ทางฝ่ายตนได้นำพยานเข้าไต่สวนรวม 2 ปาก คือ ตน และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ส่วนฝ่ายผู้ถูกร้องได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังเข้าชี้แจงรวม 3 ปาก แต่เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังยังไม่ได้ทำคำชี้แจงมาศาลจึงสั่งให้มีการจัดทำและยื่นภายหลัง อย่างไรก็ตาม ประเด็นฝ่ายผู้ฟ้องชี้แจงกับศาลก็คือ คำสั่งดังกล่าวมีเหตุไม่ชอบหลายประการ คือ 1. เรื่องการให้ชดใช้เงินจากการทำหน้าที่ในการกำกับดูแลบริหารงานโครงการในทางนโยบายซึ่งตามกฎหมายแล้วไม่อยู่ในบังคับที่จะให้หน่วยงานทางปกครองออกคำสั่งให้ชดใช้เงินได้ การบริหารงานในลักษณะนี้ยังไม่เคยปรากฏในการบริหารราชการแผ่นดินไทยว่านายกรัฐมนตรีในฐานะผู้กำกับในทางนโยบายจะต้องรับผิดชอบตามกฎหมายใดมาก่อน

นายนพดลกล่าวว่า การกระทำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในหน้าที่นายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาเป็นการกระทำด้วยความรอบคอบระมัดระวัง ไม่ได้เป็นการจงใจหรือประมาทเลินเล่อ หรือทุจริต และการออกคำสั่งให้ชดใช้ดังกล่าวก็มีผลมาจากการตั้งคณะกรรมการขึ้นเอง สอบเอง สรุปผลเอง โดยยังไม่ผ่านกระบวนการพิจารณาของศาลหรือหน่วยงานใด และการกำหนดค่าเสียหายก็ไม่ชอบด้วยหลักเกณฑ์ของกฎหมาย มีการตั้งหน่วยงานบังคับคดีขึ้นมาก่อนที่คณะกรรมการจะมีมติว่ามีความผิด ซึ่งขณะนี้เลยกรอบเวลา 30 วันที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะต้องชดใช้ตามคำสั่งของกระทรวงการคลังที่ออกมาตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค. 59 แล้ว และกระทรวงการคลังมีหนังสือเตือนมาวันที่ 4 ม.ค. 60 โดยในทางปฏิบัติกรมบังคับคดีสามารถดำเนินการเรื่องการยึดทรัพย์ได้เลย แต่เมื่อคดีอยู่ในศาลจะกระทรวงคลังได้แจ้งต่อศาลว่าจะรอคำสั่งศาลก่อนจึงยังไม่ได้มีการดำเนินการบังคับคดีแต่อย่างใด









กำลังโหลดความคิดเห็น