“ประยุทธ์” แจงมาตรการช่วยเหลือฟื้นฟูเป็นไปตามกฎเกณฑ์-ระเบียบ ระบุเวลาแจ้งเตือน ปชช.ต้องเตรียมการล่วงหน้า ย้ำต้องร่วมมือทำตามที่ รบ.คิด ลั่น รบ.อยู่ทำงานจนกว่ามีเลือกตั้ง มีประชาธิปไตย ตอนนี้ยังไม่ให้เลือก ไว้รอถึงเวลาค่อยเลือกตั้ง เผย “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” รับสั่งแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ดูแล ปชช.ให้ดีที่สุด บอกวันนี้ตกเป็นจำเลย แต่ก็ต้องแก้ปัญหาให้ได้
วันนี้ (26 ม.ค.) ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่ตรวจสอบน้ำท่วม จ.สุราษฎร์ธานี ว่าทุกบ้านทุกครัวเรือน ทุกชุมชน ควรจะสงวนแหล่งน้ำธรรมชาติเหล่านี้ไว้ด้วย อย่าระบายน้ำทิ้งหมดจำคำพูดตนไว้ ไม่อย่างนั้นก็เกิดปัญหาหน้าแล้งขึ้นมาอีก นั่นคือสิ่งที่เราต้องทำ เพราะบางคนอยู่ในเขตชลประทาน ชลประทานมีการบริหารจัดการอยู่แล้ว แต่ในส่วนนอกเขตชลประทานท่านต้องแก้ปัญหาด้วยบ่อน้ำ สระน้ำ แก้มลิงในชุมชนในพื้นที่ซึ่งท้องถิ่นสามารถดูแลได้อยู่แล้ว จะเห็นได้ว่ารัฐบาลทำหลายอย่างด้วยกัน ทำงานที่ยากให้สำเร็จ สำเร็จคือยั่งยืนไปข้างหน้า น้ำจะไม่ท่วมอีก ปัญหารายได้เกษตรกรจะทำอย่างไร ให้มีการรวมกลุ่ม ผลิตให้ตรงต่อความต้องการ ไม่ใช่พอราคาดีขึ้นก็ปลูกกันเข้าไป ราคามันก็ตก ยกตัวอย่าง เช่น ปาล์ม ยาง ราคาสูงขึ้น เพราะอะไรเพราะกรีดไม่ได้ ปริมาณจึงน้อยลง ราคาจึงสูงขึ้น ถ้าเมื่อไหร่กรีดกันทั้งหมด มันก็ราคาตกเป็นธรรมดาของการตลาด ต้องไปคิดดูว่าเราจะบริหารจัดการเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทยได้รับเรื่องนี้ไปแล้ว พราะเป็นผู้ที่อยู่กับประชาชน รวมกลุ่มกันให้ได้ นี่คือการทำงานอย่างบูรณาการ
นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้ฝนกำลังจะตก แต่พวกเราแข็งแรงกันอยู่แล้ว เพราะเจอกันมาเยอะ ตกไม่รู้กี่รอบ ตนอยู่กรุงเทพฯ เห็นฝนตกบางทีก็รำคาญ ไม่รู้ว่าตกทำไมนักหนา การจราจรติดขัดกันในกรุงเทพฯ ฉะนั้นพวกเราทุกคนต้องไปมองอนาคตว่าจะอยู่กันอย่างไร ถ้ามองใกล้ตัวมันก็ฝ่อไปเรื่อยๆ รัฐบาลก็ไปทำอย่างอื่นไม่ได้ ฉะนั้นเราต้องเข้มแข็งด้วยตัวเอง คือ เศรษฐกิจฐานราก เกษตรกรต้องเรียนรู้ ต้องพัฒนาตัวเองไปสู่สมาร์ทฟาร์มเมอร์ คือใช้การปลูกพืชที่เข้าใจในวิชาการ ใช้เทคโนโลยี ใช้ดิจิตอล และใช้ความรู้ วันนี้การจะทำอะไรก็ตามผู้ว่าราชการจังหวัดต้องรู้ว่ามีอะไรที่จะต้องดู และบอกชาวบ้านในสถานีวิทยุชุมชน นั่นคือสิ่งที่เราต้องร่วมมือกัน พลังประชารัฐคือต้องสร้างความเข้าใจร่วมกัน เรียนรู้ร่วมกันว่าจะอยู่กันอย่างไร โลกเป็นไปอย่างไร ทุกคนต้องรู้ ไม่อย่างนั้นรัฐบาลคิดแบบนี้ อีกพวกคิดแบบนี้ ทั้งหมดมันดึงกันล้มไปทั้งหมด เพราะฉะนั้นก็ฝากไว้ด้วย
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สำหรับเรื่องการช่วยเหลือในขณะนี้ เรากำลังอยู่ในขั้นตอนการฟื้นฟู ขั้นตอนการทำงานของรัฐบาล การกำกับดูแลอยู่ตรงนี้ ทุกอย่างเชื่อมโยงกับรัฐบาล ตนรู้ทุกเรื่อง การกำกับดูแลช่วยเหลือให้งบประมาณ การอนุมัติเข้า ครม.เป็นแบบนี้ จากศูนย์ของมหาดไทยที่มีกรม ปภ.เป็นหลักมันจะลงมาข้างล่างมาที่ศูนย์ของภาคใต้ จ.สุราษฎร์ธานี จ.สงขลา ซึ่งจะมีกลุ่มจังหวัดที่รับผิดชอบอยู่ ผู้ดำเนินงานในจังหวัดคือผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 12 จังหวัด ที่จะมีการช่วยเหลือจากข้างบนลงมาข้างล่าง ด้วยกติกา กฎเกณฑ์ ระเบียบที่มีอยู่แล้วว่ามาตรฐานควรมีเท่าไหร่ อาจจะไม่มากนัก แต่เป็นมาตรฐานหลักที่จำเป็นต้องเอามาใช้ จากนั้นเราจะฟังข้างล่างสำรวจมา แล้วว่าอย่างไรกันต่อ จะทำอย่างไรได้บ้าง รัฐบาลอยากจะทำให้ทุกอย่าง แต่ต้องรู้ว่างบประมาณเราต้องมีจำกัด เราจะลดหรือเพิ่ม หรือทุ่มแต่เพียงอย่างเดียว ดูแลเรื่องการเกษตรทั้งประเทศอย่างเดียวก็ไม่ใช่ ตรงนี้เป็นเรื่องพิเศษเป็นเรื่องภัยพิบัติ เราต้องหามาตรการเพิ่มเติม เพราะฉะนั้นถ้าเราให้เงินได้ไม่ครบ ไม่มากนัก ให้ตามกฎหมาย ที่เหลือเราก็หามาตรการทางการเงินให้ เช่น มีเงินกู้ระยะสั้น ระยะยาว ผ่อนชำระหนี้ 3 ปี ไม่มีดอกเบี้ย แต่รัฐบาลต้องรับผิดชอบดอกเบี้ยให้ท่านด้วย ตอนนี้กำลังคิดอยู่ว่าจะทำอย่างไรต่อไป
นายกฯ กล่าวว่า การซ่อมบ้าน สร้างบ้าน ตอนนี้กำลังวางแผนอยู่ บางจังหวัดมีการซ่อมไปแล้ว นี่คือความเดือดร้อน ตนบอกแล้วว่าต้องป้องกัน แจ้งเตือน เพราะฉะนั้นต้องเชื่อเวลาเขาเตือน ถ้าเขาบอกว่าฝนจะมามีพายุให้เก็บของขึ้นหลังคาก่อน หรือเตรียมแผนไว้ ถ้าไปรอว่าจะมาหรือไม่มา ปลุกพระอยู่ก็ไปไม่ทัน ถ้าน้ำมาพระก็ช่วยไม่ได้ ฉะนั้นต้องเตรียมการเรื่องเหล่านี้ เราต้องเรียนรู้ว่าโลกเราเปลี่ยนแปลง ต้องวางแผนชีวิตให้ดี ลูกหลานจะได้ไม่ลำบาก อะไรที่อยู่ในเส้นทางน้ำไหลต้องระระมัดวัง อะไรที่อยู่ในที่ที่ไม่ถูกต้องนักต้องดูแลให้ถูกต้อง สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องคิดทั้งหมด รัฐบาลไม่ได้คิดแค่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ไม่ได้คิดแค่ 12 จังหวัด รัฐบาลต้องเตรียมแผนงานในการเผชิญภัยพิบัติทั้ง 76 จังหวัด และของกรุงเทพฯ จังหวัดมีเป็นแสนๆ คน กรุงเทพฯ มี 10 ล้าน และเป็นศูนย์กลางธุรกิจ จังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นศูนย์กลางแห่งการท่องเที่ยว การเกษตร และอีกหลายอย่างที่มีศักยภาพ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เห็นว่ามีปัญหาที่เกาะสมุย ผู้ว่าฯ เสนอมาทางศูนย์ดำรงธรรม บอกให้ช่วยดูการจราจรที่เกาะสมุย ประชาชนมีปัญหาในเรื่องเส้นทาง ถนน วันนี้รัฐบาลคิดทั้งหมด ถ้าขอมาและตรงกับรัฐบาลก็ทำได้เลย ถ้ารัฐบาลคิดและยังไม่ตรงก็ต้องมาทำความเข้าใจ ต้องมาทำประชาพิจารณ์ ถ้าประชาพิจารณ์ไม่ผ่านก็ทำอะไรไม่ได้ทั้งหมด ไม่ใช่รัฐบาลทำเพื่อไปเอางบประมาณมาใช้และก็ทุจริต ทุจริตคือทุจริตแยกออกไป บางอย่างยังไม่ได้ทำ ยังไม่ทุจริตก็ให้เขาทำ ไม่อย่างนั้นก็ไม่เกิด ก็จับหาคนทุจริตไม่ได้ ก็ต้องทำทั้งสองอย่างให้เกิดได้ด้วย และจับเอาคนโกงออกไปจากแผ่นดินนี้ให้ได้ นี่คือสิ่งที่เป็นเจตนารมณ์ของรัฐบาล
นายกฯ กล่าวว่า สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่ตนอยากจะพูดตอนนี้ คือ วันนี้เราอยู่ในช่วงแห่งความเศร้าโศกของคนทั้งแผ่นดิน ทุกคนคงทราบดี ขอบพระคุณคนจังหวัดสุราษฎร์ธานี และคนจังหวัดภาคใต้ทุกคนที่เดินทางไปเคารพพระบรมศพที่กรุงเทพมหานคร เห็นใจถึงความยากลำบากในการเดินทาง แต่ทุกคนก็เดินทางไปและไม่เคยน้อยลง ขอบคุณทุกหน่วยงานที่ดูแลเรื่องพระบรมศพ เรากำลังดำเนินเรื่องงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระบรมศพ ซึ่งจะอยู่ในระยะเวลา 1 ปี จากวันที่ 13 ตุลาคมปีที่แล้ว และต่อไปอีก 1 ปีจึงมีพิธีพระราชทานถวายพระเพลิงพระบรมศพ จากนั้นจึงมีพิธีบรมราชาภิเษกกษัตริย์พระองค์ใหม่ รัชกาลที่ ๑๐
“รัฐบาลจะอยู่ทำงานไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้ง มีประชาธิปไตย ผมถามหน่อยว่าเลือกตั้งตอนนี้เอาไหม ไม่กล้าตอบ ตอนนี้ถึงต้องการเลือกก็เลือกไม่ได้ เพราะยังไม่ให้เลือก ถึงเวลาแล้วค่อยเลือก แล้วเลือกให้ดีนะ เลือกให้ดีกว่านี้ ถ้าบอกว่าผมทำไม่ดีก็เลือกให้ดีกว่าผม ทำให้ได้แบบผม พูดให้ได้แบบผมแล้วต้องทำแบบที่พูดด้วย แต่จะให้ทำ 100 เปอร์เซ็นต์ไม่มีใครทำได้ แต่ต้องทำให้ได้มากที่สุด 80-90 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือก็ทำต่อไป” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า พูดถึงการวางแผน รัฐบาลได้เขียนแผนหลายเรื่องทั้งยุทธศาสตร์ชาติ ยุทธศาสตร์ทหาร ยุทธศาสตร์กรม ยุทธศาสตร์กระทรวง รวมถึงแผนการปฏิบัติที่ต้องสอดคล้องกันทั้งกระทรวง กรม ผู้ว่าราชการจังหวัดก็ต้องทำในกิจการทั้งหมด แผนเหล่านี้จะระบุไว้ล่วงหน้า กิจกรรมอะไร สมมติฐานว่าอะไร สถานการณ์ว่าอะไร ใครรับผิดชอบตรงไหน แผนนี้ต้องออกไว้ล่วงหน้า แล้วทุกคนจะรู้หน้าที่ว่าทุกคนต้องทำอะไร เมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วม ประกาศแผนนี้เป็นคำสั่ง ทุกคนก็ออกทำงานได้เลย แล้วไปปรับแก้เมื่อเจอเหตุการณ์ตรงหน้า ถ้าไม่เขียนแผนอย่างนี้ที่สามารถแปรคำสั่งได้เลยก็จะทำให้เสียเวลาเพราะต้องมีการเรียกประชุมก่อน แต่เราต้องลงไปก่อนแล้วค่อยเรียกกลับมาประชุม พื้นที่ต้องรับผิดชอบ ตนได้ให้แนวทางไปแล้ว ในระหว่างที่มีแผนออกมาหากยังไม่เหตุการณ์เกิดขึ้นก็ขอให้ซ้อมไปก่อน พร้อมทำความเข้าใจตามกิจกรรมที่มีอยู่ในปัจจุบันว่าจะทำอะไร ใครรับผิดชอบ เมื่อรัฐบาลประกาศแผนนี้เป็นคำสั่งก็สามารถทำงานได้เลย วันนี้เรากำลังปรับปรุงส่วนนี้อยู่
นายกฯ กล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชกระแสรับสั่งถึงพวกเราด้วยพระเมตตา พระมหากรุณาธิคุณ ทรงห่วงใยเสมอมา ตั้งแต่วันที่ทรงรับเป็นพระมหากษัตริย์ พระองค์ท่านก็รับสั่งกับตนและคณะทำงานที่เข้าเฝ้าฯ ในเรื่องของภาคใต้ให้ดูแลประชาชนให้ดีที่สุด ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่เป็นปกติได้โดยเร็วที่สุด และแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน จะต้องแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนคือเรื่องการทำถนน เพราะถนนเส้นเพชรเกษมน้ำท่วมจะต้องทำอย่างไร ถนนริมทะเลจะทำอย่างไร เชื่อมต่อกันได้หรือไม่ แต่ปัญหาอยู่ประชาชนจะให้ทำหรือไม่ การขุดคลองระบายน้ำใหม่ ซึ่งมีแผนงานที่บางอันทำได้แล้ว บางอันจะต้องศึกษาใหม่ ขอความร่วมมือ ไม่อย่างนั้นก็ไม่ยั่งยืน แล้วน้ำก็จะท่วมอีก อยากคิดว่าจะลดลงไปเรื่อย จะลดได้เพราะการป้องกัน แก้ไข ฟื้นฟู และระบบระบายที่สมบูรณ์ตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ซึ่งประชาชนต้องให้ความร่วมมือ คนที่เสียสละรัฐบาลก็จะเข้าไปดู ทั้งนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานถุงยังชีพ และพระราชทานองคมนตรีเข้าไปช่วยเหลือไปประชาชนที่ประสบปัญหาอุทกภัย
“ผมมีกำลังที่จะทำให้ท่าน มีกำลังกาย มีสมองที่จะทำให้ท่าน แต่มันไม่ใช่เงินของผม เงินของผมมีแต่เงินเดือนเท่านั้น แต่มันเป็นเงินภาษี เป็นเงินของประชาชน ต้องใช้อย่างคุ้มค่า ใครคนใดคนหนึ่งก็ต้องแบ่งปันกันให้ทั่วถึง วันนี้ผู้ว่าราชการจังหวัด คณะรัฐมนตรีคือจำเลย แต่ผมต้องแก้ปัญหาให้ท่านให้ได้ ทั้งปัญหาเร่งด่วน และระยะยาว ผมเป็นนายกฯ ก็ต้องแก้ให้ท่าน แต่แก้ปีเดียวคงทำไม่ได้ แต่ต้องแก้ตั้งแต่ตอนนี้แล้วส่งไปรัฐบาลหน้า ต้องทำต่อไม่ทำต่อจะแบบนี้ ผมขอฝากความรัก ความปรารถนาดีจากคนกรุงเทพฯ มาให้ด้วย คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้ว ถ้าเราปรับให้อยู่ให้ได้ วันหน้าก็จะทำได้ ซึ่งรัฐบาลก็จะช่วย แต่ประชาชนก็ต้องช่วยรัฐบาลด้วย อย่าไปคิดว่าเป็นคะแนนเสียงนี้ของพวกนี้พวกนั้น ผมไม่คิด คนไทยทั้งประเทศคือคะแนนเสียง 70 ล้านคน เราต้องฟังคนทั้ง 70 ล้านคน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
จากนั้น นายกฯ ได้ถ่ายภาพร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่ และเดินพูดคุยกับประชาชนที่รอต้อนรับกว่า 3,000 คน ซึ่งนายกฯ ได้ถามประชาชนว่า สู้ไหม ทำให้ประชาชนที่รออยู่ตอบอย่างพร้อมเพรียงว่าสู้ ขณะเดียวกัน ภายในเต็นท์ได้มีการเปิดเพลงสายโลหิตประกอบไปด้วย จากนั้นนายกฯ เดินตามซุ้มต่างๆ โดยนายมนัสวิน นันทเสน หรือติ๊ก ชีโร่ ได้ขึ้นเวทีร้องเพลงรักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ทำบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก