อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ยันพร้อมรับมือฝนตกใต้ 9 จังหวัด 25-27 ม.ค.นี้ เตรียมแจ้งเตือนความเสี่ยงโคลนถล่ม ต้องไม่อยู่เส้นทางน้ำผ่าน ยันยังไม่อพยพคน แต่ตั้งจุดเฝ้าระวังแล้ว เผยที่ประชุม กก.ปภ.รับผังเมืองเรื่องสำคัญ จ่อใช้ พ.ร.บ.ขุดดินถมดิน เว้นช่องระบายน้ำ
วันนี้ (25 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 12.15 น. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวถึงกรณีสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) พบในช่วงวันที่ 26-27 ม.ค.จะมีปริมาณฝนตกเพิ่มมากขึ้นและกระจายตัวเป็นบริเวณกว้างที่ จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง พังงา กระบี่ ตรัง และสตูล ว่า ปภ.เตรียมความพร้อมรับมือฝนตกหนักอยู่แล้ว และในช่วงฝนลดที่ผ่านมาเรามีการพร่องน้ำ ส่วนในช่วงวันที่ 25-27 ม.ค.จะมีฝนตกในพื้นที่ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี และ อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราชนั้น ที่ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี เป็นทางผ่านของน้ำเพื่อออกสู่ทะเล ขณะที่ อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช เป็นต้นน้ำ ฉะนั้นละแวกพื้นที่ดังกล่าวก็จะประสบปัญหาน้ำท่วมอยู่แล้ว การแก้ปัญหาคือเราจะทำอย่างไรไม่ให้คนไปอยู่ในพื้นที่ราบเชิงเขา การอพยพคนก็จำเป็น แต่เราต้องให้ข้อมูลเขาก่อน โดยการแจ้งเตือนให้รู้ว่าหากฝนตกซ้ำมีโอกาสดินโคลนถล่ม และต้องไม่อยู่ในเส้นทางน้ำไหลผ่าน
“วันนี้การแจ้งเตือนถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ต้องบอกประชาชนให้เร่งอพยพ ซึ่งประชาชนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทั้งนี้ ขณะนี้ทั้ง 2 อำเภอยังไม่มีการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ เพราะการอพยพจะทำเมื่อมีสถานการณ์เกิดขึ้น แต่ในพื้นที่เราได้มีการตั้งจุด เฝ้าระวังถ้าเหตุการณ์ไม่ดีเราจะอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ทันที” นายฉัตรชัยกล่าว
เมื่อถามถึงมาตรการแก้ปัญหาระยะยาวในการการปรับผังเมืองพื้นที่ปลอดภัยนั้น นายฉัตรชัยกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวมีการพูดคุยในที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน ว่าเรื่องผังเมืองการใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นเรื่องสำคัญ รวมถึงจะต้องมีการบังคับใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การขุดดินและถมดิน พ.ศ. 2543 ที่หากจะมีการถมดินจะต้องมีการเว้นช่องระบายน้ำ