กรรมการการเลือกตั้ง คาดที่ประชุมอังคารหน้าคงชัดปม “อำพล” จ้างนั่งเลขาฯ ต่อหรือไม่ ชี้มีสองทางเลือก รอมติ ป.ป.ช.ชี้มูล หรือเลือกใหม่จาก 5 คนที่เหลือ แย้มสองแนวทางสอบจริยธรรม “ธีรวัฒน์” หลัง ประธาน ป.ป.ช.ไม่นั่ง เล็งให้องค์กรอิสระที่ตอบรับนั่งหัวโต๊ะแล้วเลือกคนอื่นเป็นกรรมการ หรือเชิญอีกสอง องค์กรร่วม
วันนี้ (20 ม.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารกลาง กล่าวว่า ในการประชุม กกต.วันที่ 24 ม.ค. กกต.คงจะมีความชัดเจนต่อกรณีเรื่องร้องเรียนของนายอำพล วงศ์ศิริ ที่ กกต.มีมติให้ว่าจ้างดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กกต. ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ส่วนตัวเห็นว่ามี 2 แนวทาง คือ 1. รอการวินิจฉัยของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ระบุว่าอาจใช้เวลา 2 เดือนจากนี้จึงจะมีความชัดเจนในเรื่องที่นายอำพลถูกร้องเรียน แต่มีข้อสังเกตว่า นายอำพลถูกร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.ตั้งแต่ปี 2556 แต่จนปัจจุบันเรื่องยังอยู่ในชั้นการแสวงหาข้อเท็จจริง ยังไม่เข้าสู่ขั้นตอนการไต่สวนซึ่งไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่กว่าจะเข้าที่ประชุม ป.ป.ช. แต่คาดว่าโดยกระบวนการทั้งหมดอาจต้องใช้เวลานานพอสมควร
นายสมชัยกล่าวว่า 2. ถ้ามองว่า กกต.เป็นองค์กรที่มีมาตรฐานสูงการถูกร้องเรียนเพียงเท่านี้ หากให้มาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กกต. จะเกิดความด่างพร้อยแก่องค์กร กกต. ก็อาจจะมีมติไม่ทำสัญญาจ้าง และพิจารณาคัดเลือกเลขาธิการ กกต.ใหม่จากผู้สมัคร 5 คน โดยไม่ต้องแสดงวิสัยทัศน์อีกรอบ แต่จะไม่ใช้การเลื่อนลำดับผู้ทีได้คะแนนมาเป็นลำดับ 2 ต่อจากนายอำพลขึ้นมาเป็นเลขาฯ กกต. หากใช้กระบวนการนี้จะใช้เวลาเพียง 7-15 วันก็สามารถดำเนินการได้เสร็จ หรืออาจจะเลือกแนวทางการเปิดรับสมัครใหม่ซึ่งก็จะต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับที่ประชุม กกต.ว่าจะมีมติอย่างไร
นายสมชัยยังกล่าวถึงกรณี ป.ป.ช.ปฏิเสธที่จะส่งกรรมการมาร่วมเป็นกรรมการตรวจสอบจริยธรรมนายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ ว่า แนวทางการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบจริยธรรมนายธีรวัฒน์ มี 2 แนวทาง โดยแนวทางที่ 1 คือ ได้กรรมการองค์กรอิสระที่ตอบรับแล้ว 1 คนนั้นมาทำหน้าที่เป็นประธาน และกรรมการนั้นอาจจะมาจากการทาบทามคนอื่นที่มีระดับต่ำกว่า อันนี้ก็สามารถดำเนินการได้ เพราะมีข้อกำหนดเพียงว่าคนที่เป็นประธานจะต้องเท่ากันหรือสูงกว่า หากเป็นไปตามแนวทางนี้คงไม่ทาบทามกรรมการองค์กรอิสระอื่นอีกแล้ว แต่ใช้กรรมการองค์กรอิสระเท่าที่ตอบกลับมา และแนวทางที่ 2 คือ หากเห็นว่ายังมีความจำเป็นจะต้องมีองค์กรกรรมการที่เข้มข้น ก็ต้องไปพิจารณาจากองค์กรอิสระอื่นที่เหลือที่ยังไม่มีการทาบทาม ซึ่งขณะนี้คาดว่าจะมีเพียงแค่ 2 องค์กร คือ คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เนื่องจากผู้ตรวจการแผ่นดินจะเข้ามาร่วมไม่ได้ เพราะเป็นโจทย์ ถือเป็นต้นทาง ส่วนคณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็ปฏิเสธแล้ว และเป็นปลายทางที่ถือว่าเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้เสีย ดังนั้นก็ต้องเอาองค์กรอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับต้นทางปลายทางก็เหลือแค่ 2 องค์กร