“ประวิตร” แจงเอ็มโอยูต้องเป็นข้อตกลง ลงนามหรือไม่อีกเรื่อง ย้อนพท.ทหารไม่จำเป็นต้องเซ็นห้ามรัฐประหาร ชี้ที่ทำเพราะหยุดความขัดแย้ง ปชช.ไม่เอาด้วยก็จบ แจง คสช.มีหน้าที่รวมความเห็นทำเป็นข้อตกลงที่เห็นชอบร่วมกัน พร้อมออก กม.-ม.44 หนุนกติกา ชี้ตกลงแล้วกลืนน้ำลายไร้บทลงโทษ เชื่อทุกคนยอมรับ เผยทหารนั่ง กก.ปรองดอง เหตุไม่เกี่ยวขัดแย้ง เชื่อกองทัพไม่เกี่ยวปมโกง “โรลส์-รอยซ์” พร้อมตรวจสอบ
วันนี้ (19 ม.ค.) ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ประกาศไม่ลงนามเอ็มโอยูเพื่อทำสัญญาปรองดองว่า ตนพูดตั้งแต่แรกแล้วว่าต้องเป็นข้อตกลง ส่วนจะลงนามหรือไม่ลงนามหรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ต้องตกลงร่วมกันก่อนว่าต้องอยู่ร่วมกันในอนาคตอย่างสันติ ต้องการแค่ให้เกิดความปรองดอง ตนคิดว่าชัดเจนแล้วไม่ขอพูดเรื่องรายละเอียด ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยต้องการให้ทหารลงนามในเอ็มโอยูไม่ให้ออกมารัฐประหารอีกนั้น ตนคิดว่าทหารเป็นกลาง ไม่มีความขัดแย้ง ตอนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาครั้งนั้นไม่ได้ปฏิวัติ แต่เป็นการหยุดความขัดแย้งเพื่อให้บ้านเมืองสงบ
“ไม่มีใครอยากจะปฏิวัติ ไม่ต้องไปเซ็นหรอก ผมยืนยันไม่มีใครอยากทำ ท่านคิดไปเองว่าทหารจะออกมา ตอนนี้ผมอายุ 70 กว่าปีแล้ว อยู่มาตั้งแต่เด็ก ไม่มีใครอยากจะมาแย่ง แต่เมื่อบ้านเมืองไปไม่ได้ ที่สำคัญประชาชนเห็นชอบให้เราเข้ามาเพื่อให้เกิดความสงบ การออกมาปฏิวัติ ถ้าประชาชนไม่เอาด้วยไม่มีทางทำได้อยู่แล้ว อันนี้เป็นความคิดของผม และคิดว่าทหารส่วนใหญ่ก็คิดแบบนี้ ไม่มีใครอยากมายึดอำนาจ อยากมีอำนาจ ไม่เห็นมีอะไรดี ใครอยากมาแทนผมก็มา ผมไม่ว่าหรอก” พล.อ.ประวิตรกล่าว
พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ในกรณีการกำหนดประเด็น หรือที่มาว่ามีเรื่องอะไรบ้างนั้น ทหารไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว ไม่ได้พูดคุยด้วย แต่เป็นการรวบรวมความคิดเห็นจากทั้งหมดมาสรุปว่าจะทำอะไรร่วมกัน เป็นข้อตกลงเท่านั้นเอง ไม่ได้เป็นข้อกฎหมาย หรือข้อบังคับ เพียงแต่ไปดูว่าอะไรที่เป็นต้องออกเป็นกฎหมายก็ว่ากัน ไม่ว่าจะเป็นพระราชบัญญัติ หรือมาตรา 44 หรือทำอะไรที่ให้ทุกฝ่ายยอมรับได้ ไม่ใช่ทหารอยากทำอะไรก็ทำ ทหารไม่เกี่ยวไม่มีการลงโทษว่าใครไม่ทำตาม เพราะบทลงโทษนั้นมีอยู่ในกฎหมายอยู่แล้ว ตรงนี้อยากให้อนาคตอยู่ร่วมกันอย่างสันติ อย่างที่ตนย้ำว่าเรื่องนี้จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนิรโทษกรรม กฎหมายเก่า และ คดีเก่า เป็นเรื่องของศาลยุติธรรมที่จะทำให้เกิดความเป็นธรรมมากที่สุด
เมื่อถามว่า หากตกลงกันแล้วมากลับคำก็ไม่มีบทลงโทษ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มีบทลงโทษ ทุกคนก็รู้กันเอง ตนเชื่อว่าเมื่อทุกคนยอมรับว่ากติกาเป็นเช่นนี้จะอยู่ร่วมกันแบบนี้ ก็แค่นั้นเอง ต้องเข้าใจว่าเป็นข้อตกลงร่วมกัน และไม่ใช่สัญญาใจ ถ้าไม่ตกลงก็ไม่เป็นไร ตนก็ไม่ได้ว่าอะไร อย่าไปคิดมาก ถ้าท่านไม่รับก็ไม่รับ เมื่อถามว่าจะเป็นการปรองดองแค่ระยะเวลาสั้นๆ หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่เป็นไร ขอให้เกิดความปรองดองก่อน จะระยะสั้นหรือระยะยาว ถ้าทุกฝ่ายได้พูดและมีข้อสรุปว่าเป็นข้อตกลง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ท่านมั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตนไม่ได้พูดเลยว่ามั่นใจ ผู้สื่อข่าวพูดเอง ตนไม่รู้อนาคต สิ่งนี้เป็นความคิด จะมาสรุปว่ามั่นใจได้อย่างไร เพียงแต่เราหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น เมื่อตกลงกันแล้ว ถ้าไม่ทำก็จะถามกันเองว่าทำไมตกลงแล้วไม่ ส่วนกรณีที่พรรคและกลุ่มการเมืองไม่ได้เป็นกรรมการคุยปรองดอง มีแต่ทหารนั้น เพราะเลือกเอาคนเป็นกลาง ทหารไม่เกี่ยวกับความขัดแย้ง คนดูแลบ้านเมืองต่อคือพรรคการเมือง นักการเมือง ทหารสนับสนุน ไม่เกี่ยวกับทหาร
พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกรณีสำนักงานปราบปรามการทุจริตของอังกฤษ (เอสเอฟโอ) พบว่า โรลส์-รอยซ์ได้จ่ายเงินจำนวน 18.8 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 660 ล้านบาทให้แก่ผู้แทนของประเทศไทยและพนักงานของการบินไทย ทั้งยังให้การสนับสนุนทั้งสามเหล่าทัพไทยมาอย่างยาวนาน รวมถึงเป็นผู้จัดหาเฮลิคอปเตอร์ SuperLynx ให้กองทัพไทย พล.อ.ประวิตรปฏิเสธว่าไม่ทราบเรื่องนี้ และคิดว่ากองทัพไทย ไม่น่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชันของบริษัทดังกล่าว เนื่องจากกองทัพคงไม่มีความสามารถซื้อเครื่องยนต์จากโรลส์-รอยส์ แต่อย่างไรนั้นทางกองทัพจะมีการตรวจสอบอีกครั้ง