อดีต ส.ส.นครนายก เรียกร้อง “ประยุทธ์” เรียกคืนเงินจาก 3 ค่ายมือถือกว่าแสนล้านบาทกลับมาเป็นของรัฐ ย้อนต้นเหตุขัดแย้งชาติเกิดจากประชาชนออกมาต้านรัฐบาลยุคทักษิณเอื้อประโยชน์เอกชน ชี้ต้องแก้ปัญหาช่วยสร้างปรองดอง ไม่งั้นไม่สำเร็จ
วันนี้ (17 ม.ค.) นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ แถลงเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.เข้ามาแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน กรณีที่มีการแก้ไขสัมปทานเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทเอกชนซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคำพิพากษาแล้วว่าในยุคที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการแก้ไขสัมปทานทำให้รัฐเสียหาย 1.2 แสนล้านบาท และยังสร้างปัญหาที่ทำให้เกิดความเสียหายเกี่ยวเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยแยกได้ดังนี้ คือ ศาลฎีกาฯ ได้พิพากษาถึงการแก้ไขสัญญาสัมปทานว่ามีทั้งสิ้น 7 ครั้ง แบ่งเป็นสองส่วน คือ 5 ครั้งแรกทำให้บริษัท เอไอเอสได้ประโยชน์ 8.8 หมื่นล้านบาท และอีก 2 ครั้งที่ให้หักภาษีสรรพสามิตทำให้รัฐเสียประโยชน์ถึง 3.6 หมื่นล้านบาท โดยในส่วนนี้ยังทำให้เกิดความเสียหายต่อเนื่องที่ทำให้บริษัทเอกชนอีกสองรายได้ประโยชน์ไปด้วย คือ บริษัททรู เป็นเงิน 6.65 พันล้านบาท และบริษัท ดีแทค เป็นเงิน 2.42 พันล้านบาท
นายชาญชัยกล่าวว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการทุจริตคอร์รัปชันดังกล่าวคิดเป็นเงินกว่าแสนล้านบาทที่รัฐบาลต้องไปเรียกเก็บเงินกลับมาให้ถูกต้อง เพราะจุดเริ่มต้นความขัดแย้งในบ้านเมืองเกิดจากประชาชนจำนวนมากออกมาต่อต้านพฤติกรรมของรัฐบาลที่เอื้อประโยชน์ให้แก่เอกชน มีการทุจริตคอร์รัปชัน ดังนั้นถ้ารัฐบาลคิดที่จะสร้างความปรองดองก็ควรเริ่มต้นแก้ปัญหาที่ต้นเหตุทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ก่อนที่จะไปพูดถึงคดีอาญา แต่ถ้าไม่ดำเนินการปล่อยไว้อย่างนี้ก็เท่ากับว่าเรื่องปรองดองเป็นเรื่องลิงหลอกเจ้า หรืออะลุ้มอล่วยแบบถอยคนละก้าว ถ้าทำเช่นนี้ก็เชื่อว่าปรองดองจะไม่สำเร็จ