“สุริยะใส” มองตั้ง ปยป. มาถูกทาง แต่ยังต้องลุ้นดูเนื้อหาสาระ และวิธีทำงานอีกที แนะตั้งกรรมการที่เข้าใจรากเหง้าปัญหาและกล้าคิดกล้าตัดสินใจ ห่วง MOU คู่ขัดแย้งพูดง่ายทำยากเหตุมีหลายมิติซับซ้อน ถามใครทำกับใคร
วันนี้ (15 ม.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฯ วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และ ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) เผยว่า เห็นด้วยที่รัฐบาลเตรียมตั้งคณะทำงานและสร้างกลไกคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง หรือ ปยป. เพราะทั้งสามเรื่องถือเป็นหัวใจของการเปลี่ยนผ่านโดยเฉพาะการทำให้สังคมการเมืองเข้าที่เข้าทางก่อนเข้าสู่เลือกตั้ง และการที่หัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรีมานั่งเป็นประธานด้วยตนเองก็จะทำให้สังคมมีความมั่นใจขึ้นมาบ้าง
นายสุริยะใส เผยต่อว่า อย่างไรก็ตาม กลไก ปยป. ในขณะนี้ยังเป็นเพียงรูปแบบ แต่ต้องดูในส่วนเนื้อหาและการขับเคลื่อนอีกทีว่าบรรลุจุดมุ่งหมายหรือไม่ ซึ่งทั้ง 3 เรื่องไม่ใช่เรื่องใหม่ที่ผ่านมา ก็มีกรรมการหลายคณะศึกษาและเสนอแนะต่อรัฐบาล และ คสช. มาเป็นระยะๆ แต่ก็ยังไม่เห็นรูปธรรม การตั้ง ปยป. ครั้งนี้ก็หวังว่าจะไม่ซ้ำรอยกรรมการคณะต่างๆ ที่เสนอกันมาก่อนหน้านี้ การตั้งคนมาทำงานนอกเหนือจากเป็นคนที่เข้าในรากเหง้าของปัญหาแล้วจะต้องเป็นคนที่กล้าคิดกล้าทำ เพราะเราเสียเวลาไปมากจนหลายเรื่องยากจะเยียวยาหรือไม่สามารถทำอะไรได้ในช่วงสั้นๆ ที่สำคัญ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ที่สังคมการเมืองเต็มไปด้วยความขัดแย้ง สังคมได้เรียนรู้ร่วมกันในหลายๆ ปัญหา และมีข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหาไว้มากมาย ทั้ง 3 เรื่องต้องทำไปพร้อมๆ กัน เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกัน ฉะนั้นกรรมการ ปยป. ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาศึกษาอะไรมากมาย หลายเรื่องมีข้อเสนอที่ดีๆ ไว้อยู่แล้ว เพียงแต่เอาข้อเสนอเหล่านั้นมากรองและบูรณาการ ก็สามารถดำเนินการได้เลย
นายสุริยะใส เผยอีกว่า ส่วนแนวคิดจะเอาตัวแทนพรรคการเมือง กลุ่มการเมืองที่ขัดแย้งกันมาทำ MOU เพื่อยุติความขัดแย้งนั้น แม้เป็นเจตนาที่ดี แต่พูดง่ายทำยาก นึกไม่ออกว่าจะทำได้ขนาดไหนอย่างไร เพราะจะมีปัญหาว่าใครจะทำ MOU กับใคร เรื่องอะไร และใครจะเป็นตัวแทนที่ได้รับการยอมรับจริงๆ ในแต่ละฝ่าย และกลุ่มเคลื่อนไหวที่อยู่นอกประเทศจะดำเนินการอย่างไร ที่สำคัญ ความขัดแย้งมีหลายมิติสลับซับซ้อน การเน้นดำเนินการเฉพาะกับแกนนำก็อาจจะได้ระดับหนึ่งเท่านั้น