“ดุสิตโพล” สำรวจสถานการณ์การเมืองปี 2560 สิ่งที่ประชาชนคาดหวังน่าจะดีขึ้นคือการบริหารบ้านเมืองให้เข้มแข็งมั่นคง ส่วนที่คาดว่าน่าจะแย่ลงคือการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน ขณะที่นายกฯ คือบุคคลที่ประชาชนฝากความหวังว่าจะช่วยให้การเมืองดีขึ้น
สถานการณ์การเมืองไทยในปี 2560 ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญอย่างยิ่งของรัฐบาลที่จะบริหารบ้านเมือง ตามโรดแมปที่เหลือเวลาอีกเพียง 1 ปี หลายฝ่ายต่างจับตามองว่าการเมืองไทยจะเป็นไปในทิศทางใด ทั้งการร่างกฎหมายลูก การเตรียมความพร้อมของพรรคการเมือง และการทำงานองค์กรอิสระต่างๆ เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อการเมืองไทย “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,266 คน ระหว่างวันที่ 1-6 มกราคม 2560
ผลสำรวจการเมืองไทย ปี 2560 ที่ประชาชนคาดว่าน่าจะ “ดีขึ้น” อันดับ 1 การบริหารบ้านเมืองให้เข้มแข็งมั่นคง 68.95% เพราะรัฐบาลมีนโยบายชัดเจน เอาจริงเอาจัง แต่ละกระทรวงมีการทำงานที่สอดคล้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน มีมาตรการช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ ฯลฯ อันดับ 2 ความสงบสุขของบ้านเมือง 66.28% เพราะรัฐบาลยังควบคุมดูแลสถานการณ์ต่างๆ ได้ดี หลายฝ่ายอยากเห็นบ้านเมืองสงบสุขและดีขึ้น ฯลฯ อันดับ 3 ความสงบสุขของบ้านเมือง 66.28% เพราะรัฐบาลยังควบคุมดูแลสถานการณ์ต่างๆ ได้ดี หลายฝ่ายอยากเห็นบ้านเมืองสงบสุขและดีขึ้น ฯลฯ อันดับ 4 การร่างรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูกที่สมบูรณ์ 57.06% เพราะเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ มีความสำคัญและส่งผลต่อประเทศชาติและประชาชน ประชาชนได้ใช้สิทธิตามระบอบประชาธิปไตย ฯลฯ
ส่วนการเมืองไทย ปี 2560 ที่ประชาชนคาดว่าน่าจะ “แย่ลง” อันดับ 1 การปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน 70.85% เพราะ การเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์ เป็นปัญหาที่มีมาทุกยุคทุกสมัย อาศัยช่องโหว่จากโครงการต่างๆ ฯลฯ อันดับ 2 การแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง 69.67% เพราะรัฐบาลยังไม่สามารถสร้างความปรองดองทางการเมืองได้อย่างแท้จริง ถูกมองว่าเป็นรัฐบาลทหาร ฯลฯ อันดับ 3 รัฐบาลไม่สามารถทำตามโรดแมป 54.50% เพราะมีกระแสข่าวว่าจะมีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไป มีหลายเรื่องที่รัฐบาลยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ฯลฯ
สำหรับ “บุคคล” หรือ “หน่วยงาน” ที่ประชาชนฝากความหวังว่าจะช่วยให้ “การเมืองไทย” ปี 2560 ดีขึ้น อันดับ 1 นายกรัฐมนตรี 73.02% อันดับ 2 ประชาชนทุกคนทุกฝ่าย 64.39% อันดับ 3 รัฐบาล 61.10% อันดับ 4 ข้าราชการประจำ 56.34% อันดับ 5 นักการเมือง 48.77%