รองนายกฯ ประชุมดูแลความปลอดภัยปีใหม่ งัดมาตรการยึดรถ-ใบขับขี่พวกเมาแล้วขับ พร้อมกำชับทหาร ตำรวจ กกล.รส.ดูแลพื้นที่จัดกิจกรรมเคานต์ดาวน์ และสวดมนต์ข้ามปี
ที่กระทรวงกลาโหม วันนี้ (14 ธ.ค.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์แก้ไขปัญหาความมั่นคงแบบบูรณาการ (ศมบ.) หรือศูนย์ม้าบิน เรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยมี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้แทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้แทนผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมประชุม
พล.อ.ประวิตรกล่าวก่อนประชุมว่า เป็นการประชุมเกี่ยวกับมาตรการดูแลความปลอดภัยให้แก่ประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งทางเจ้าที่พยามพยามดูแลป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนให้ได้มากที่สุด โดยมีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ดูแลหลัก และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงานบูรณาการร่วมกันทั้งประเทศ ทั้งนี้ สาเหตุของอุบัติเหตุเกิดจากการดื่มสุราและการขับขี่จักรยานยนต์ เพราะฉะนั้นมาตรการลดอุบัติเหตุในข่วงปีใหม่เราจะนำเอามาตรการยึดรถ ยึดใบอนุญาตขับขี่ที่เป็นมาตรการของปีที่แล้วนำมาใช้ในปีนี้ด้วย
ต่อมา พล.อ.ประวิตรกล่าวภายหลังการประชุมว่า ตนได้เน้นย้ำถึงการป้องกันอุบัติเหตุจากการใช้รถใช้ถนน และการป้องกันอาชญากรรมในทุกพื้นที่ทั่วประเทศช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยกำชับให้ทุกเหล่าทัพ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ให้ช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการสวดมนต์ข้ามปี และกิจกรรมเคานต์ดาวน์ ด้วยการส่งเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเข้าไปดูแลทุกพื้นที่เพื่อไม่ให้เกิดเหตุร้าย พร้อมทั้งมีการป้องกันอัคคีภัย อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานไปดูแลประชาชนเพื่อรักษาชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนให้ได้มากที่สุด โดยหวังว่าจะไม่เกิดความสูญเสีย
“ขณะที่การบังคับใช้กฎหมายยอมรับว่าต้องขอโทษประชาชน เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อลดสถิติการเกิดเหตุ โดยเฉพาะการจราจร และยังคงดำเนินการตามมาตรการเมาแล้วขับ พร้อมยึดรถ ยึดใบขับขี่อีกด้วย”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กิจกรรมเคานต์ดาวน์นอกจากพื้นที่ กทม.ที่จัดบริเวณหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์แล้วยังมีการจัดกิจกรรมดังกล่าวที่สนามกีฬาไอโมบาย สเตเดียม จ.บุรีรัมย์ พร้อมกันนั้นในพื้นที่ชายแดนทุกภาคที่ติดประเทศเพื่อนบ้านจะจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี เช่น อ.แม่สอด จ.ตาก และที่ จ.สระแก้ว เป็นต้น
พล.อ.ต.รังสรรค์ เยาวรัตน์ ผู้ช่วยโฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังประชุมการเตรียมความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 ว่า จากการประเมินสถานการณ์ภายในประเทศในขณะนี้ พบว่ามีความสงบเรียบร้อยโดยทั่วไป แต่เนื่องจากในช่วงเทศกาลปีใหม่ซึ่งมีวันหยุดต่อเนื่องติดต่อกันหลายวันทำให้ประชาชนต่างเดินทางไปร่วมกิจกรรมที่จัดขึ้นในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งการจับจ่ายใช้สอย และท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ เป็นจำนวนมาก เพื่อผ่อนคลายและพักผ่อนกับครอบครัว ดังนั้นเพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และเดินทางไปกลับด้วยความปลอดภัยโดยตลอดช่วงเทศกาลปีใหม่ จึงได้กำชับให้หน่วยงานด้านความมั่นคงและเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังทุกพื้นที่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้าย รวมทั้งดูแลความปลอดภัยในพื้นที่อย่างเข้มงวดและรัดกุม
ทั้งนี้ ได้เน้นมาตรการป้องกันมากกว่าการปราบปราม ตลอดจนการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง โดยให้มีการจัดตั้งกองอำนวยการร่วมเพื่อบูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ กระทรวงมหาดไทย แพทย์ อาสาสมัคร กู้ภัย พนักงานดับเพลิง ชุดเก็บกู้ระเบิด (EOD) จัดทำแผนเผชิญเหตุและซักซ้อมการปฏิบัติโดยเฉพาะจุดที่มีการจัดงาน COUNTDOWN, สนามบิน, สถานีขนส่งรถไฟ รถยนต์ทุกประเภท และบริเวณท้องสนามหลวง ซึ่งอาจมีประชาชนจำนวนมากเดินทางมาร่วมกิจกรรมต่างๆ นอกจากนี้ให้ดำเนินการตรวจสอบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด หรือ CCTV ให้มีความพร้อมและบูรณาการให้เชื่อมโยงกันทุกจุด
อย่างไรก็ตาม การรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมทั้งการลดอุบัติเหตุจากการใช้รถ ใช้ถนนจะเกิดผลดีได้นั้น จะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย จึงขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันเฝ้าระวัง เป็นหูเป็นตา และหากพบสิ่งผิดสังเกตให้แจ้งกับเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานราชการที่อยู่ใกล้เพื่อไปตรวจสอบ รวมทั้งการชี้แจง พูดคุยกันในหมู่บ้านหรือครอบครัว ขอให้ขับรถด้วยความระมัดระวังไม่ประมาท เคารพกฎจราจร เช่น การไม่ขับรถเร็ว ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในขณะขับรถ ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดเป็นผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ในปีนี้เจ้าหน้าที่จึงมีมาตรการต่างๆ ที่หน่วยงานราชการจะพิจารณานำมาใช้ให้เหมาะสมซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่สะดวกบ้าง แต่เพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุให้มากที่สุด โดยมีเป้าหมายเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นหลัก เป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน ทั้งนี้ รอง นรม. และ รมว.กห. ขอให้ทุกหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ได้พิจารณาถึงการจัดงานหรือกิจกรรมต่างๆ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในขณะนี้ด้วย