xs
xsm
sm
md
lg

ดีเอสไอ-ตำรวจ จัดใหญ่กับ “ธัมมชโย” แต่ไม่เคยทำได้จริงสักครั้ง !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา

หากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวของทั้งเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่พยายามแสดงให้เห็นว่ากำลังดำเนินการเกี่ยวกับ พระเทพญานมุณี หรือ พระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ในคดีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ และคดีฟอกเงินและรับของโจร ตามขั้นตอนของกฎหมาย และที่กำลังดำเนินการอยู่ในเวลานี้ก็ยังอยู่ในกรอบของกฎหมาย รวมทั้งคำนึงถึงความสูญเสียที่อาจตามมา หากมีการบุกใช้กำลังเข้าไปจับกุมถึงภายในวัด

อย่างไรก็ดี ความล่าช้าและใช้เวลานานจนเกินความพอดีดังกล่าวข้างต้น ฝ่ายเจ้าหน้าที่ที่รักษากฎหมายกำลังถูกมองจากสังคมทั่วไปด้วยความเบื่อหน่าย เสื่อมศรัทธาในทำนองว่า รัฐกำลังเลือกปฏิบัติไม่บังคับกฎหมายกับทุกคนโดยเสมอภาคกัน ขณะที่หลายคนยังมองว่า มีความพยายาม “ยื้อเวลา” ทั้งสองฝ่าย นั่นคือ ทั้งฝ่ายรัฐบาล เจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งฝ่ายของ ธัมมชโย

แน่นอนว่า สังคมเข้าใจดีว่า เมื่อพิจารณาจากความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันของพวกธัมมชโย หากมีการใช้กำลังบุกเข้าไปจับกุมอาจมีการขัดขวาง มีการปะทะ แต่นั่นเป็นการคิดไปล่วงหน้า อาจจะเกิดหรือไม่เกิดก็ได้ แต่ขณะเดียวกัน หากเกิดขึ้นจริงมันก็สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าคนพวกนี้ไม่เคยเคารพกฎหมาย พยายามใช้กฎหมู่เหนือกฎหมาย ซึ่งมันก็จะพิสูจน์ให้เห็นชัด

แต่ขณะเดียวกัน หากจะว่าไปแล้วก็ยังถือว่ามันอยู่ในกรอบของกฎหมาย อยู่ในขั้นตอน แม้ว่าจะเริ่มมองเห็นอนาคตข้างหน้าแล้วว่าจะสรุปออกมาอย่างไร นั่นคือ จะ “ยื้อ” ออกไปเรื่อยๆ จนเรื่องๆ ค่อยๆ เงียบหาย จนสังคมเบื่อ เซ็งกันไปเอง

ล่าสุด ยังมีความพยายามที่จะเจรจากัน ที่เรียกว่า เจรจา 4 ฝ่าย คือ ฝ่ายตำรวจ ดีเอสไอ - วัดพระธรรมกาย ฝ่ายคณะสงฆ์ และ ฝ่ายสำนักพระพุทธศาสนา ซึ่งเนื้อหากก็ยังคงเดิม คือ “ขอวิงวอน” ให้ ธัมมชโย มอบตัวเถิด โดยฝ่ายธัมมชโยมีเงื่อนไขว่าหากมอบตัวแล้วต้องได้รับการประกันตัว

ซึ่งมันก็เป็นเรื่องแปลก เพราะหากพิจารณาเฉพาะที่อยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจที่เป็นคดีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ 2 คดี ที่ถูกศาลออกหมายจับ ตามขั้นตอนอาจอยู่ที่ดุลพินิจของพนักงานสอบสวนในการพิจารณาให้ประกันตัว แต่คดีฟอกเงิน และรับของโจรที่ล่าสุดอัยการสั่งฟ้องแล้วก็ต้องถือว่าอยู่ที่ดุลพินิจของศาล ดังนั้น หากมีการรับปากว่าให้มีการประกันตัวได้ ก็หมายความว่าคดีที่มีการแทรกแซงกันแล้ว

แต่ถึงอย่างไรเวลานี้สังคมกำลังเฝ้ามองด้วยความเบื่อหน่ายฝ่ายรัฐที่ไม่เอาจริงเอาจังกับคนที่กระทำผิดแบบนี้ อย่างไรก็ดี แม้ว่าคดีเก่ายังคาราคาซัง แต่ล่าสุด ก็มีความเคลื่อนใหม่ เป็นการ “จัดใหญ่” จากฝ่ายตำรวจ นั่นคือ การเอาผิดกับรักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ฐานให้ที่พักพิงกับผู้ต้องหาที่มีหมายจับ และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

โดย เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม มีรายงานข่าวว่า พล.ต.ต.วรพงษ์ ทองไพบลูย์ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) และ พันตำรวจเอก สมคิด ทิพยจักรพงษ์ ผู้กำกับ 3 บก.ปทส. ได้เดินทางมาที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอคลองหลวง ตำบลคลองสอง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เพื่อยื่นเอกสารและแจ้งความดำเนินคดี พระทัตตชีโว รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความสูญเสียแก่ผู้ใดผู้หนึ่ง หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

และมาตรา 189 ฐานผู้ใดช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดอันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษโดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้น หรือช่วยผู้นั้นกระทำการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุมต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้บปรับ โดยมี พ.ต.อ.เขมพัทธิ์ โพธิ์พิทักษ์ ผกก.สภ.คลองหลวง พ.ต.ท.วิเชียร เหมือนสุวรรณ รอง ผกก.สภ.คลองหลวง หัวหน้าพนักงานสอบสวน พ.ต.ท.ขจร ฉัตรแก้วมณี สารวัตรสอบสวน สภ.คลองหลวง เป็นผู้รับเอกสารและรับแจ้งความคดีนี้

พล.ต.ต.วรพงษ์ ทองไพบลูย์ ผู้บังคับการ ปทส. กล่าวว่า วันนี้ทางกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้นำเอกสารและหลักฐานมาแจ้งความจับรักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความสูญเสียแก่ผู้ใดผู้หนึ่ง หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 189 ฐานผู้ใดช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดอันมิใช่ความผิดลหุโทษเพื่อไม่ให้ต้องโทษโดยให้พำนักแก่ผู้นั้นโดยซ่อนเร้น หรือช่วยผู้นั้นกระทำการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุมต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท
เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 59 บก.ปทส. ได้นำหนังสือขอความอนุเคราะห์ให้ทางรักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ส่งตัว พระเทพญานมุณี หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ที่ 121/2559 ซึ่งกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้พุทธศักราช 2484 ศูนย์ปฏิบัติธรรม เวิลด์พีช วัลเล่ย์ เขาใหญ่ ไปติดไว้ที่ information ของทางวัดแล้ว แต่ทางวัดปฏิเสธว่าไม่ได้รับหนังสือขอความอนุเคราะห์ดังกล่าว วันนี้ตนจึงเดินทางมาแจ้งความจับรักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย พร้อมกับเอกสารว่าตนเองได้ยื่นหนังสือไปแล้ว

พล.ต.ต.วรพงษ์ ทองไพบลูย์ ผู้บังคับการ ปทส. ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้แจ้งความดำเนินคดี โดยระบุว่า รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนจะเป็นใครที่เกี่ยวข้องบ้าง เราก็จะเข้าไปสอบ เพื่อให้พยานหลักฐานและเอกสาร เพื่อดำเนินคดีไปตามขั้นตอน โดยเราจะดำเนินการตามพยานหลักฐาน ซึ่งมีการมอบหมายเป็นหนังสือ ซึ่งข่าววัดพระธรรมกายจะให้ปากคำอย่างไรก็ได้ แต่เราจะดำเนินคดีไปตามหลักฐานที่มีพร้อม โดยมีขั้นตอนรวบรวมพยานหลักฐานและขอหมายศาลอนุมัติออกหมายจับ

ส่วน พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช รรท.ผบก.ส.4 กล่าวว่า ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ประสานงาน เพื่อให้หลวงพ่อพระธัมมชโยเข้ามอบตัว เนื่องจากหลวงพ่อพระธัมมชโยเป็นพระผู้ใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดการเสื่อมเสียและเกิดการกระทบกระทั่ง จะป้องกันทุกอย่างให้เกิดความสงบเรียบร้อย ตามนโยบายที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย สิ่งที่ผ่านมาเราได้พยายามประสานเข้าไปภายในวัด เพื่อเจรจาพูดคุย โดยมีเงื่อนไขต่างๆ ทำการประกันตัวการสอบสวน โดยเวลานี้ก็ยังไม่มีคำตอบอย่างชัดเจนจากทางวัดพระธรรมกาย เส้นทางเจ้าหน้าที่ต่างๆ ก็มีขั้นตอนการดำเนินการ ทั้งตำรวจ แล้วดีเอสไอได้มีการประสานงานกัน ในส่วนของเรื่องการประกันตัว เป็นอำนาจของพนักงานสอบสวน พี่จะพิจารณา ขณะนี้ทำวัดเองก็ยังไม่มีการติดต่อมาแต่อย่างใด

แน่นอนว่า นี่คือ กระบวนการตามกฎหมาย ตามกระบวนการยุติธรรม ที่ต้องดำเนินการตามขั้นตอน แต่คำถามก็คือในความเป็นจริงเมื่อพิจารณาจากความเคลื่อนไหวในอดีตในคดีของ ธัมมชโย ก็ยังปฏิบัติให้เป็นจริงไม่ได้เลย นี่ยังจัดใหญ่กับ พระธัตตชีโว เข้าไปอีก เพราะขั้นตอนหลังจากนี้จะต้องออกหมายเรียกให้เข้ามาให้ปากคำ บอกว่า หากออกหมายเรียกถึง 3 ครั้งแล้ว ยังไม่มา ก็จะออก “หมายจับ” คำถามก็คือ “แล้วไง” ดังนั้น เมื่อของเก่ายังไม่คืบหน้า นี่ยังจัดใหญ่เพิ่มขึ้นอีก มันก็ยิ่งไปกันใหญ่ และไม่มีทางเกิดขึ้นได้จริง !!
กำลังโหลดความคิดเห็น