นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายดูแลประชาชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กำชับทั้งทหาร ตำรวจ พลเรือนต้องทำงานเป็นเนื้อเดียวกัน ขณะที่เลขาฯ คปต.เผยเหตุบึ้ม ผู้ก่อเหตุตั้งใจให้เกิดในรอบปี หลังคุมเข้มช่วยตุลาฯ มั่นใจไม่เกิน 24 ชั่วโมงทราบตัวคนร้าย
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (3 พ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มอบนโยบายด้านการบริหารและดูแลประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แก่นายศุภณัฐ สิรันทวิเนติ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และนายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์แก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) ส่วนหน้า
นายศุภณัฐเปิดเผยภายหลังเข้าพบว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้มอบนโยบายให้ ศอ.บต.ทำงานร่วมกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า ทั้งโครงการและแผนเร่งด่วน นอกจากนี้ ยังอยากให้ทุกหน่วยงานทำงานเป็นเนื้อเดียวกัน เพื่อมุ่งเน้นความต้องการของประชาชนและตอบสนองให้เร็วที่สุด พร้อมเน้นย้ำว่าทุกภาคส่วนต้องไม่แยกกันทำงาน ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร
นายศุภณัฐกล่าวถึงเหตุระเบิดหลายจุดในพื้นที่ เมื่อวันที่ (2 พ.ย.) ว่า ในเรื่องความมั่นคงกองทัพภาค 4 ดูแลอยู่แล้ว ส่วน ศอ.บต.จะดูแลเรื่องการเยียวยา เช่น เสียชีวิตจะเยียวยา 5 แสนบาท ส่วนความเสียหายของทรัพย์สิน หากประกันไม่ครอบคลุม ศอ.บต.จะเข้าไปดูแลเยียวยาอย่างรวดเร็ว ให้เจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบโครงสร้างอาคารว่ามีมูลค่าเท่าใด แล้วรายงานไปยังจังหวัดเพื่อประเมิน โดย ศอ.บต.จะจ่ายเงินตามความเสียหาย
ด้านนายภาณุกล่าวถึงการทำงานของ คปต.ส่วนหน้า ว่าเมื่อวันที่ 2 พ.ย.ทางคณะได้ลงไปในพื้นที่โดยได้การต้อนรับจากจุฬาราชมนตรี ส่วนใหญ่แล้วขานรับและพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ เราเชื่อว่าเราจะทำงานเสริมนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ได้ ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 2 ปี 5 เดือน ภายใต้การดูแลของรัฐบาลและ คสช. ทุกอย่างก้าวหน้าขึ้น มีความร่วมมือของประชาชนดีขึ้น ส่วนเหตุที่ยังเกิดขึ้นอยู่ต้องดูผู้ก่อเหตุร้ายว่าวันนี้เราสามารถดำเนินการบังคับใช้กฎหมายได้ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ เพราะฉะนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ (2 พ.ย.) เข้าใจว่าเป็นความตั้งใจที่อยากให้เกิดเหมือนรอบปีของการกระทำเช่นเดือนตุลาคม แต่ขณะเดียวกันก็เห็นถึงความระมัดระวังและมาตรการการป้องกันของหน่วยงานความมั่นคง รวมถึงประชาชนที่ช่วยเป็นหูเป็นตาเป็นพิเศษในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา พอเดือนตุลาคมคลายตัวลงไปคนที่จ้องจะก่อเหตุคงสบโอกาสที่จะทำ ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวไม่ได้กินพื้นที่เป็นวงกว้างหรือหลายเหตุการณ์ แต่สิ่งสำคัญตามมาคือมาตรการในการควบคุมสถานการณ์ เมื่อคืนเป็นไปด้วยความรวดเร็ว เป็นความร่วมมือของประชาชนและเจ้าหน้าที่ มั่นใจว่าไม่เกิน 24 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองพอจะรู้ตัวคนร้าย