ม.44 คงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% อีก 1 ปี ยกสภาพเศรษฐกิจของประเทศยังอยู่ในสภาวะชะลอตัว ยันหากมีการปรับเพิ่มในขณะนี้อาจส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของภาคเอกชนและเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม เผยใช้อัตราร้อยละ 6.3 สําหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนําเข้าทุกกรณี ตั้งแต่ 1 ต.ค. 59 ถึง 30 ก.ย.ปีหน้า และใช้อัตราร้อยละ 9 สําหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนําเข้าทุกกรณี ตั้งแต่ 1 ต.ค. 60 เป็นต้นไป
วันนี้ (1 พ.ย.) ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 65/2559 เรื่องการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม มีใจความว่า โดยที่สภาพเศรษฐกิจของประเทศยังอยู่ในสภาวะชะลอตัว หากมีการปรับเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ในขณะนี้ อาจส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของภาคเอกชนและเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม ดังนั้น เพื่อเป็นการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน รวมถึงเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในการประกอบธุรกิจ ให้กับภาคเอกชน อันจะส่งผลให้การบริโภคและการลงทุนของประเทศมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และมั่นคงยิ่งขึ้น ประกอบกับยังไม่อาจดําเนินการตราพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มได้ในขณะนี้
“อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคําสั่ง ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรา ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๕๙๒) พ.ศ. ๒๕๕๘
ข้อ ๒ ให้ลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๘๐ แห่งประมวลรัษฎากร และคงจัดเก็บ ในอัตรา ดังต่อไปนี้
(๑) ร้อยละหกจุดสาม สําหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนําเข้าทุกกรณี ซึ่งความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๐
(๒) ร้อยละเก้า สําหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนําเข้าทุกกรณี ซึ่งความรับผิด ในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นต้นไป
ข้อ ๓ ในกรณีเห็นสมควร นายกรัฐมนตรีหรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องอาจเสนอให้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติแก้ไขเปลี่ยนแปลงคําสั่งนี้ได้
ข้อ ๔ คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ ๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๙
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ”