นายกรัฐมนตรี แถลงเชิญชวนตั้งจิตภาวนาให้ดวงพระวิญญาณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระบรมโกศ สถิตในสรวงสวรรค์ และทรงคุ้มครองราชอาณาจักร แนะเจริญรอยตามพระยุคลบาท รักษาเอกราช อธิปไตย เตรียมแจ้ง สนช.ว่า ทรงโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระรัชทายาทไว้แล้ว ขอฟังข่าวจากทางการ อย่าเชื่อข่าวลือ ชวนประชาชนแต่งกายถวายอาลัย 1 ปี ควรงดรื่นเริง 30 วัน ช่วยรักษาความสงบมิให้ผู้ใดฉวยโอกาสแทรกก่อความขัดแย้ง
วันนี้ (13 ต.ค.) เมื่อเวลา 19.05 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ความว่า
“พี่น้องประชาชนชาวไทยที่อยู่ในราชอาณาจักร และในต่างประเทศทั่วโลกทุกท่าน วันที่ชาวไทยทั้งปวงไม่ต้องการแม้แต่จะนึกคิด และไม่ปรารถนาแม้แต่จะได้ยินก็มาถึง เมื่อสำนักพระราชวังได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคตแล้ว ในวันนี้ ณ โรงพยาบาลศิริราช ถือว่าเป็นการสูญเสียและความวิปโยคยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ นับแต่การเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 8 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พุทธศักราช 2489
พี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคนได้ติดตามข่าวสาร และรับทราบมาเป็นลำดับว่าในห้วงหลายปีที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระอาการประชวร และได้เสด็จไปประทับที่โรงพยาบาลศิริราชเป็นระยะ เมื่อพระอาการบรรเทาลงก็จะทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจตามปกติด้วยพระวิริยะอุตสาหะเพื่อความผาสุกของพสกนิกร
ตลอดเวลาที่ผ่านมา คณะแพทย์ได้ถวายการรักษาอย่างใกล้ชิด พระอาการดีขึ้นเป็นลำดับ ยังความปลาบปลื้มแก่ประชาชนคนไทยทั้งชาติ แต่ในที่สุดพระอาการประชวรหาคลายไม่ ประกอบกับพระชนมพรรษามาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคตพระชนมพรรษาปีที่ 89 เสด็จดำรงสิริราชสมบัติ 70 พรรษา
วันที่ 13 ตุลาคม จะเป็นวันที่อยู่ในความทรงจำของประชาชนชาวไทยตลอดไปนานแสนนาน ดุจวัน “ปิยมหาราช” 23 ตุลาคม
พี่น้องที่เคารพทั้งหลาย ระยะเวลา 70 ปี ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เริ่มต้นขึ้น ภายหลังจากที่มหาสงครามโลกเพิ่งสิ้นสุดลง ประเทศชาติกำลังฟื้นตัวจากภัยสงคราม ประชาชนเปี่ยมด้วยความหวัง เมื่อประเทศไทยมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ครองราชย์ เป็นผู้นำ เปลี่ยนความท้อแท้ของผู้คนกลายเป็นความแน่วแน่ มั่นคง องอาจที่จะยืนหยัดต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ
ตลอดรัชสมัยเป็นช่วงเวลาที่มีการพัฒนาประเทศในทุกด้าน ทรงเป็นกษัตริย์ผู้เป็นที่รัก เทิดทูน ทรงเป็นศูนย์รวมใจของคนไทยทั้งชาติ นับเป็น 70 ปีที่ทรงครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยามโดยแท้ บัดนี้ 70 ปีในรัชสมัยของ “สมเด็จพระภัทรมหาราช” พระมหากษัตริย์ผู้ประเสริฐยิ่งของปวงชนชาวไทยได้สิ้นสุดลงแล้ว พระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยมากมายล้นพ้นหาที่สุดมิได้ มากเพียงใด ความวิปโยคอาลัยของพสกนิกรชาวไทยก็มากมายท่วมท้นหาที่สุดมิได้ เพียงนั้น
รัฐบาลขอเชิญชวนให้เราทุกคนร่วมกันตั้งจิตภาวนาตามศาสนาที่ทุกท่านนับถือ ดังที่เราเคยร่วมกันภาวนาถวายพระพร และอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกท่านเคารพนับถือให้อภิบาลคุ้มครองตลอดเวลาที่ทรงพระอาการประชวร เพื่ออธิษฐานภาวนาขอให้ดวงพระวิญญาณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ สถิตในสรวงสวรรค์ และทรงอภิบาลคุ้มครองราชอาณาจักรไทย ประชาชนชาวไทยผู้เป็นพสกนิกรของพระองค์ ให้มีความสงบสุขและความสันติสุข ดุจดังที่ประเทศไทยและประชาชนชาวไทยมีมาโดยตลอดภายใต้ร่มพระบารมียาวนาน 70 ปี
พี่น้องประชาชนที่เคารพ ถึงแม้เราจะอยู่ในยามทุกข์โศกน้ำตานองหน้าทั่วกันเพียงใด ประเทศไทยอันเป็นที่รักของพวกเราและของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ต้องดำรงต่อไป อย่าให้การเสด็จสวรรคตครั้งนี้ ทำให้พระราชปณิธานที่จะเห็นราชอาณาจักรของพระองค์มีความเจริญรุ่งเรือง พสกนิกรมีความผาสุกสวัสดี มีเมตตาและไมตรีต่อกันต้องหยุดชะงักลง การจะแสดงความจงรักภักดีและความอาลัยที่ดีที่สุด คือ เจริญรอยตามพระยุคลบาท สืบสานพระราชปณิธานที่จะรักษาเอกราช อธิปไตย ความสมบูรณ์พูนสุข และความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมือง ตลอดจนการปฏิบัติตามพระบรมราโชวาทพระราชดำรัส ที่เคยพระราชทานไว้
ภารกิจสำคัญที่จะต้องดำเนินการในบัดนี้มี 2 ประการ คือ การดำเนินการให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และตามกฎมณเฑียรบาล ว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พุทธศักราช 2467 ตลอดจนตามราชประเพณีในส่วนของการสืบราชสันตติวงศ์ซึ่งสอดคล้องต้องกัน เพื่อให้การปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลจะแจ้งไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม สถาปนาพระรัชทายาทตามกฎมณเฑียรบาลไว้แล้ว เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2515 จากนั้นสภานิติบัญญัติแห่งชาติจะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
อีกประการหนึ่ง คือ การเตรียมงานพระบรมศพในส่วนของรัฐบาล และประชาชนให้สมพระเกียรติยศ และสมกับความจงรักภักดีของประชาชนชาวไทยที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระบรมโกศ ทั้งนี้ การดำเนินการทั้ง 2 ประการนี้ รัฐบาลจะแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบเป็นระยะต่อไป
ในช่วงเวลาต่อจากนี้ไป เป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการเรื่องต่างๆ ให้เป็นไปตามกฎหมาย และราชประเพณี รัฐบาลจึงขอให้พี่น้องประชาชนทั้งหลายรับฟังข่าวสารอย่างเป็นทางการ จากหน่วยงานราชการ อย่าเชื่อข่าวที่ลือที่ไม่ปรากฏแหล่งอ้างอิง พร้อมกันนี้รัฐบาลขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนคนไทยที่รักทุกท่านแต่งกายถวายความอาลัยเป็นเวลา 1 ปี สถานที่ราชการลดธงครึ่งเสา เป็นเวลา 30 วัน และทุกภาคส่วนควรพิจารณางดการจัดงานรื่นเริงต่างๆ เป็นเวลา 30 วัน
ทั้งนี้ ท่านทั้งหลายอาจเข้าร่วมพิธีหรือจัดกิจกรรมทางศาสนาของตน ถวายเป็นพระราชกุศล หรือจัดเป็นพระบรมราชานุสรณ์ อีกทั้งควรใช้โอกาสนี้ให้กำลังใจแก่กันและกัน เพราะเราทุกคนต่างก็มีหัวอกเดียวกัน เพราะมีพ่อของแผ่นดินร่วมกัน และโปรดช่วยกันรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง มิให้ผู้ใดฉวยโอกาสแทรกเข้ามาก่อความขัดแย้งจนกลายเป็นความวุ่นวาย
ขอพี่น้องประชาชนทุกคน ร่วมส่งเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ด้วยการรักษาแผ่นดินของพ่อด้วยความรัก และความสามัคคีตลอดไป
พี่น้องประชาชนชาวไทยทั้งหลาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช รัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคตแล้ว ขอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลใหม่ทรงพระเจริญ”