“สมชัย” เผยที่ประชุม กกต.พิจารณากฎหมายลูกเลือกตั้ง ส.ว. คัด 3 ระดับ อำเภอ-จังหวัด-ประเทศ จาก 92,800 คน เหลือ 200 คน ก่อนให้ คสช.คัดเหลือ 50 คน ส่งกรรรมการร่างรัฐธรรมนูญสิ้นเดือนนี้ ยันป้องกันบล็อกโหวต-โกงได้ เชื่อทำแล้วไม่คุ้ม ซัด สปท.ช่างจินตนาการ ยัน กกต.ไม่ขัดแย้ง ส่วนปมกรรมการใหม่ไว้คุย กรธ.
วันนี้ (26 ก.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง แถลงว่า ที่ประชุม กกต.ได้การพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. และได้ให้คณะทำงานไปปรับแก้ตามแนวทางที่กกต.มีมติ โดยจะดำเนินการให้แล้วเสร็จและส่งให้คณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญได้ในวันที่ 30 ก.ย.
ทั้งนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นหลักการเลือก ส.ว.ใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งการยกร่างยากที่สุดในบรรดากฎหมายที่กับการเลือกตั้ง 4 ฉบับ โดยการยกร่าง กกต.ยึดตามรัฐธรรมนูญที่ต้องการให้ได้คนดีมาเป็น ส.ว. มีที่มาหลากหลายอาชีพในสังคม จึงได้มีการกำหนดเป็น 20 กลุ่มอาชีพ และเพื่อให้ไม่เกิดการบล็อกโหวตหรือจ้างลงสมัคร ไม่เป็นภาระทางการเงินแก่ผู้สมัคร จึงกำหนดค่าสมัครเพียงคนละ 500 บาท ส่วนวิธีการเลือกนั้นตามรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ว่าต้องมาจากตัวแทนอำเภอ จังหวัด ประเทศนั้น กกต.ก็กำหนดการเลือกเป็น 3 ระดับ โดยการสมัครจะเริ่มที่ระดับอำเภอ หนึ่งคนรับรองคุณสมบัติตนเอง และลงได้เพียงกลุ่มอาชีพเดียว การเลือกจะทำ 2 ขั้นตอน ขั้นแรกจะให้เลือกกันเองในกลุ่มๆ ละ 5 คนต่ออำเภอซึ่งก็จะได้ผู้สมัคร ส.ว.ใน 928 อำเภอ จาก 20 กลุ่ม รวม 92,800 คน จากนั้นจะให้ 5 คนนแต่ละกลุ่มไปเลือกผู้สมัครในกลุ่มอื่น 19 กลุ่มให้เหลือกลุ่มละ 3 คน ก็จะเหลือผู้สมัคร ส.ว.ในระดับอำเภอ 55,680 คน
ต่อมาการเลือกในระดับจังหวัดก็จะนำผู้สมัครในระดับอำเภอที่เหลือ 55,680 คน จาก 20 กลุ่ม มาเลือกไขว้เช่นเดิม ให้เหลือกลุ่มอาชีพละ 1 คน เป็นผู้สมัคร ส.ว.ระดับจังหวัด ซึ่ง 77 จังหวัดก็จะได้ผู้สมัคร ส.ว.ระดับจังหวัด รวม 1,540 คน จากนั้นก็จะเข้าสู่การเลือกในระดับประเทศซึ่งจะมีการจัดประชุมผู้สมัคร ส.ว.ทั้ง 1,540 คนจาก 20 กลุ่ม แล้วให้มีการเลือกไขว้ให้เหลือกลุ่มละ 10 คน ก็จะได้ ส.ว.จาก 20 กลุ่ม รวม 200 คน เพื่อที่จะส่งให้ คสช.คัดเลือกตามบทเฉพาะกาลมาตรา 269 เหลือ 50 คน และสำรองรายชื่ออีก 50 คน
นายสมชัยกล่าวว่า วิธีการที่ กกต.ออกแบบอยู่ในวิสัยที่กกต.ประเมินแล้วว่าจะสามารถบริหารจัดการได้ รวมทั้งสามารถป้องกันการบล็อกโหวต และการทุจริตได้ เพราะในร่างกฎหมายมีบทลงโทษรุนแรงไม่น้อยไปกว่ากฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. คนที่ซื้อเสียง หรือทำเพื่อประโยชน์ให้ตนได้รับการเลือกเป็น ส.ว. มีสิทธิที่จะถูกตัดสิทธิการสมัคร ถูกเพิกถอนสิทธิการสมัคร และถูกเพิกถอนเลือกตั้งได้ ดังนั้นคนที่คิดจะทำไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักธุรกิจ ตนเชื่อว่าไม่คุ้ม
นายสมชัยยังกล่าวถึงกรณี สปท.ด้านปฏิรูปการเมือง เสนอเซตซีโร่ กกต.ว่าตนเห็นว่าหลายเรื่องเป็นจินตนาการบอกว่า กกต.ทำงานไม่เป็นทีม อยากถามกลับว่า กกต.ทำงานไม่เป็นทีมตรงไหน ถ้าไม่เป็นทีม จะออกกฎหมายลูก 4 ฉบับตามเวลาที่กำหนดภายใน 1 เดือนได้อย่างไร ตรงนี้คิดว่าเป็นผลงานและสะท้อนว่าเราได้ทำงานกันอย่างจริงจังเป็นเอกภาพ
“ผมไม่เห็นความแตกแยกหรือขัดแย้ง มีแต่ช่วยกันทำงานให้เกิดผลดีที่สุด การมาบอกว่าทำงานไม่เป็นทีม ผมไม่รู้ว่าท่านมาแอบอยู่ใต้โต๊ะในห้องประชุม กกต.หรืออย่างไร ถ้ามาแอบจริงก็จะเห็นการทำงานที่มีความสามัคคี จริงจัง ดังนั้นที่ท่านว่าผมเห็นว่าท่านจินตนาการเกินไป” นายสมชัยกล่าว
เมื่อถามว่า ประธาน กรธ.ระบุว่าที่มาของ กกต.2 คน ยังไม่ชัดเจนว่าจะมาจากคณะกรรมการสรรหา หรือที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา นายสมชัยกล่าวว่า เอาไว้ค่อยคุยกันตอนที่ กกต.ไปพบหารือกับ กรธ.ในเรื่อง พ.ร.ป.กกต.วันที่ 29 ก.ย. ส่วนในวันที่ 28 ก.ย.ที่ กรธ.จัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่าง พ.ร.ป.พรรคการเมือง และ พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส.นั้น กกต.อยากได้ข้อเสนอใน 2 เรื่อง คือ ทำอย่างไรให้พรรคการเมืองเข้มแข็งเป็นสถาบัน มีฐานมาจากประชาชนอย่างแท้จริง มีกลไกสรรหาคนดีเข้าสู่การเมือง และทำอย่างไรให้การเลือกตั้ง ส.ส.ปลอดการทุจริต ซึ่ง กกต.ยังคงยืนยันว่าบุคคลที่ กกต.ส่งไปชี้แจงซึ่งเป็นระดับผู้ทรงคุณวุฒิ และ ผอ.สำนักของ กกต.นั้นรู้เรื่องดังกล่าวดีสุด กกต.ไม่ต้องไปเอง