“ประวิตร” ท้าจับเวลา 7 วันการจราจรดีขึ้นแน่ถ้าฝนไม่ตก ถ้าไม่ดีขึ้นมาทำอะไรฉันก็ได้ สั่งเจ้าหน้าที่กวดขันจับปรับ จ่อออกคำสั่งใครโดนใบสั่งไม่ไปจ่ายจะไม่ให้ต่อทะเบียน ถ้าต่อต้องเสียค่าปรับ 4 เท่า สั่งคมนาคมอบรมจิตใต้สำนึกใช้ถนน ลั่นห้ามจอดรถใน 21 ถนนสายหลัก ขู่นั่งรถผ่านแล้วเจอจะโทร.สั่งผู้การจับ ไม่เว้นแม้สื่อ
วันนี้ (20 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 13.30 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงมาตรการแก้ไขปัญหาจราจรและการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดว่า ขอให้สื่อมวลชนติดตามดูว่าดีขึ้น และเมื่อการจราจรดีขึ้นก็อยากให้สื่อชมบ้าง เพราะตอนรถติดก็ด่าอย่างเดียว
“ผมรับรองว่าภายใน 7 วันการจราจรจะดีขึ้น ท้าให้เอาเวลามาจับได้เลย ไม่ว่าจะเป็นถนนสายไหน มาเลย แต่ในช่วงที่มีฝนตกก็คงช่วยอะไรไม่ได้ เพราะความเร็วของรถก็ลดลง แต่ถ้าฝนไม่ตกก็รับรองว่าดีขึ้น เท่าที่ผมเดินทางสัญจรไปมาขณะนี้สามารถทำเวลาได้ลดลง 10-20 นาที แต่ถ้าไม่ดีขึ้นจะมาทำอะไรฉันก็ได้ อยากทำอะไรก็เอา” พล.อ.ประวิตรกล่าว
พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่พยายามแก้ไขปัญหาการจราจรให้ลดลง อย่างไรก็ตาม คนใช้รถใช้ถนนต้องมีจิตใต้สำนึกในการดูแล คนใช้ถนนร่วมกัน ไม่ใช่ขับรถชนแล้วลงมาตีกันทำให้รถติด อย่างนี้จะโทษรัฐบาลไม่ได้ วันนี้เจ้าหน้าที่มีการบังคับใช้กฎหมายกันอยู่แล้ว ต่อจากนี้ไปเจ้าหน้าที่จะกวดขันจับ ปรับตลอด ได้สั่งการไปแล้ว
“ถ้าใครโดนใบสั่งแล้วไม่ยอมไปเสียค่าปรับ จะไม่อนุญาตให้ไปต่อทะเบียน แต่ถ้าอยากต่อก็ต้องเสียค่าปรับ 4 เท่าเป็นอย่างน้อย เดี๋ยวจะออกคำสั่งลงไป อีกทั้งอาจจะต้องทะเบียนรถไม่ได้ และผู้ขับขี่ต่อไปจะให้ทางกระทรวงคมนาคมอบรมในเรื่องจิตใต้สำนึกในการใช้รถใช้ถนน เพื่อลดปัญหาการจราจร รวมทั้งการสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน” พล.อ.ประวิตรกล่าว
ส่วนปัญหาความเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงาน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ดำเนินการอยู่ซึ่งได้มีการประชุมไปแล้วทั้ง 37 หน่วยงาน โดยตนเองได้ตั้ง ผบ.ตร. เป็นอนุกรรมการบูรณาการ เกี่ยวกับการขับเคลื่อนการจราจร และได้สั่งการไปแล้วว่าต่อจากนี้รถยนต์ต่างๆ จะจอดบนถนนสายหลัก 21 สายไม่ได้ ห้ามจอด แต่สามารถจอดในซอยได้ หากตนขับรถผ่านไปที่ไหนแล้วพบว่ามีการจอดขวางการจราจรก็จะโทร.สั่งการไปยังผู้กำกับเพื่อดำเนินการจับกุม รวมทั้งรถของสื่อมวลชนด้วย
ขณะที่ พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงข้อสั่งการของ พล.อ.ประวิตร ว่าสาเหตุสำคัญคือการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรเมือง การเพิ่มขึ้นของยานพาหนะ การบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นประสิทธิภาพ และการละเลยวินัยของผู้ใช้รถใช้ถนน ซึ่ง พล.อ.ประวิตรเป็นประธานการประชุมบูรณาการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการจราจรในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลไปเมื่อวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา และได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วน ระยะกลาง และระยะยาว โดยได้กำชับขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานการทำงานอย่างใกล้ชิด เร่งแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วนให้เป็นรูปธรรม และเกิดผลสัมฤทธิ์ภายใน 1 เดือน โดยเฉพาะการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วนที่จะมีการเกิดอุบัติเหตุ การกีดขวางการจราจรให้มีการเคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็ว และการใช้ถนนของจักรยานและรถสาธารณะให้มีการกำหนดมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น ในการชำระค่าปรับ การต่อทะเบียนรถ และการขอใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ ทั้งนี้ให้ทำควบคู่ไปกับการสร้างการรับรู้ ปลุกจิตสำนึก การมีส่วนร่วมเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน และการรักษาวินัยจราจรแก่ประชาชน รวมทั้งต้องสร้างการรับรู้ต่อเยาวชนที่จะเป็นผู้ใช้รถใช้ถนนในอนาคตด้วย
