เลขาฯ ป.ป.ช.ยันยกเลิกคำสั่งตั้งอนุกรรมการสอบอดีต 40 ส.ส.เพื่อไทยชงกฎหมายล้างผิดไม่ได้ แจงเสนอกฎหมายลักษณะปิดบังซ่อนเร้นต้องสอบ เตรียมเรียกหน่วยเกี่ยวข้องให้ข้อมูลกรณีฝายผ่องพรรณพัฒนา “ปรีชา” เอื้อประโยชน์ภริยาหรือไม่
วันนี้ (20 ก.ย.) นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีอดีต 40 ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือถึง ป.ป.ช.ให้ทบทวนการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนอดีต 40 ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่เข้าชื่อเสนอ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เนื่องจากไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. ว่า ป.ป.ช.จะนำคำร้องดังกล่าวไปประกอบการพิจารณาว่ามีการคัดค้านมาในประเด็นใด แต่คงไม่สามารถยกเลิกคำสั่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีดังกล่าวได้ เพราะได้ออกคำสั่งตั้งคณะอนุกรรมการไปแล้ว เมื่อถามว่าอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยระบุว่าการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนของ ป.ป.ช.เป็นการก้าวก่ายการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติในการเสนอกฎหมาย นายสรรเสริญตอบว่า ตามหลักการฝ่ายนิติบัญญัติมีหน้าที่เสนอกฎหมายอยู่แล้ว หากเสนอตรงไปตรงมา ป.ป.ช.เข้าไปตรวจสอบไม่ได้อยู่แล้ว แต่ ถ้าเสนอกฎหมายในลักษณะปิดบังซ่อนเร้น เพื่อประโยชน์ใครคนใดคนหนึ่งก็ต้องมาพิจารณาว่าเป็นการเสนอกฎหมายที่ถูกต้องหรือไม่ ถือเป็นการตรวจสอบดุลพินิจในการเสนอกฎหมาย การที่ ป.ป.ช.จะเข้าไปตรวจสอบกรณีนี้เนื่องจากมีข้อสงสัยถึงการใช้ดุลพินิจในการเสนอกฎหมายว่ามีเจตนาซ่อนเร้นอะไรหรือไม่ จึงต้องไปตรวจสอบว่ามีเจตนาเรื่องการปรองดองจริงหรือไม่ ถ้าสามารถพิสูจน์ได้ก็ถือว่าไม่มีความผิด
นายสรรเสริญยังกล่าวถึงกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม และนายทหารระดับสูงอีก 3 นาย กรณีใช้อำนาจหน้าที่เข้าไปเอื้อประโยชน์แก่นางผ่องพรรณ จันทร์โอชา ภริยา ระหว่างการเดินทางเป็นประธานสร้างฝายชะลอน้ำ และตั้งชื่อฝาย “ผ่องพรรณพัฒนา” ที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ว่า ป.ป.ช.ต้องนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการแสวงหาข้อเท็จจริงเบื้องต้น โดยตรวจสอบว่าใช้งบประมาณอะไรในการดำเนินการ และ เป็นการใช้งบประมาณที่ถูกต้องหรือไม่ ต้องขอดูในรายละเอียดก่อน ยังไม่สามารถบอกอะไรได้ แต่คงต้องเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับข้อเท็จจริงทั้งหมด