xs
xsm
sm
md
lg

“ประวิตร” เปิด AM-HEx 2016 มี 18 ชาติร่วม ฝึกแพทย์ทหาร-ทีมช่วยภัยพิบัติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (แฟ้มภาพ)
“ประวิตร” เปิดการฝึกร่วมแพทย์ทหารกับทีมช่วยมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ หรือ AM-HEx 2016 มีรัสเซีย ลาว ญี่ปุ่น เป็นเจ้าภาพ มี 18 ชาติร่วม หวังแบ่งปันความร่วมมือระหว่างอาเซียนและคู่เจรจา พัฒนาศัยภาพในภูมิภาค ภูมิใจไทยเป็นศูนย์กลางความช่วยเหลือ เชิญอธิบดี ปภ.มาดูเพื่อประสานความร่วมมือช่วย

วันนี้ (5 ก.ย.) ที่ค่ายนวมินทราชินี จ.ชลบุรี เมื่อเวลา 10.30 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกร่วมระหว่างคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ทหารกับคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ (ADMM-Plus Military Medicine-Humanitarian Assistance and Disaster Relief Joint Exercise 2016 : AM-HEx 2016) พร้อมรับชมการสาธิตช่วยเหลือผู้ประสบภัยตึกถล่มจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการฝึกครั้งนี้ โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องของประเทศไทยเอกอัครราชทูต ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารจากประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจา รวมทั้งผู้แทนจากองค์การระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมพิธี

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า การฝึกร่วม HEx 2016 ทางกระทรวงกลาโหมไทย กระทรวงกลาโหมสหพันธรัฐรัสเซีย กระทรวงป้องกันประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น ได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดการฝึกครั้งนี้ ระหว่างวันที่ 1-11 ก.ย. 2559 โดยถือเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของความร่วมมือทางทหารภายใต้กลไกการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา หรือ ADMM-Plus ที่มีการพัฒนากันมาอย่างต่อเนื่องซึ่งกระทรวงกลาโหมมีความภาคภูมิใจที่มีส่วนในการขับเคลื่อนกลไกดังกล่าวอันนำมาซึ่งสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่นคงในภูมิภาคนี้

พล.อ.ประวิตรกล่าวต่อว่า การฝึกครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการแบ่งปันประสบการณ์ ข้อมูล ทักษะความรู้ระหว่างเจ้าหน้าที่แพทย์ทหารของประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจา ตลอดจนพัฒนาศักยภาพของหน่วยทหารในภูมิภาคในการปฏิบัติการร่วมด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการฝึกร่วม HEx 2016 จะบรรลุวัตถุประสงค์ทุกประการ

จากนั้น พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ว่า การฝึก HEx 2016 ในครั้งนี้ถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุด โดยต่อไปจะมีการฝึกร่วมกันทุกๆ ปี ส่วนรายละเอียดการฝึกในแต่ละปี อาจมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง แต่จะเน้นการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ เนื่องจากการเกิดภัยพิบัติไม่รู้ว่าจะเกิดในพื้นที่ใดของอาเซียนและประเทศคู่เจรจา ตลอดจนถึงร่วมมือกับทุกๆ ประเทศ ทั้งนี้ ตนรู้สึกภูมิใจที่ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางช่วยเหลือพิบัติและการแพทย์ทหาร โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีทั้ง 18 ประเทศ และคาดหวังต่อไปในอนาคตเราจะทำให้การฝึกในครั้งนี้เป็นสากลมากขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือความร่วมมือระหว่างประเทศอาเซียนและประเทศคู่เจรจา แม้แต่ประเทศรัฐเซีย ที่อยู่ห่างไกลยังส่งยุทโธปกรณ์มาร่วมฝึก ตลอดจนถึงประเทศญี่ปุ่น นับว่าประเทศไทยเป็นสากล มีแต่คนไทยที่ต้องช่วยเหลือดูแลกันให้เกิดความเจริญให้กับประเทศไทย

พล.อ.ประวิตรยังกล่าวถึงแผนการจัดซื้อยุทโธปกรณ์เพื่อรองรับการช่วยเหลือภัยพิบัติว่า ทางอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทยมาร่วมงาน เพื่อมาพิจารณาและประสานงานกับกองบัญชาการกองทัพไทยและเหล่าทัพที่ต้องร่วมมือและดูว่าอะไรที่สามารถบูรณาการร่วมกันได้ เพื่อช่วยเหลือภัยพิบัติต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ทั้งนี้ การฝึกร่วม HEx 2016 มีกิจกรรมสำคัญ ประกอบด้วย การฝึกประกอบกำลัง (Force Integration Training : FIT) เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ เทคนิคการใช้เครื่องมือ และการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างชุดปฏิบัติการของแต่ละประเทศ การฝึกปัญหาที่บังคับการ (Command Post Exercise : CPX) เพื่อทดสอบกลไกการทำงานของศูนย์แพทย์ทหารอาเซียน และศูนย์ประสานงานนานาชาติ การฝึกภาคสนาม (Field Training Exercise : FTX) เป็นการฝึกปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในสถานการณ์ต่างๆ และโครงการเพื่อสาธารณประโยชน์ (Humanitarian Civic Action : HCA) เพื่อพัฒนาสัมพันธ์กับประชาชนในพื้นที่

สำหรับพื้นที่การฝึก ได้แก่ พื้นที่มณฑลทหารบกที่ 14 ประกอบด้วย สถานีสารเคมีรั่วไหล สถานีอาคารถล่ม สถานีพื้นที่ถูกตัดขาด และสถานีตั้งค่ายผู้ประสบภัย พื้นที่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ประกอบด้วย สถานีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยด้วยอากาศยาน และพื้นที่เกาะสีชัง ประกอบด้วย สถานีการค้นหาและกู้ภัยทางทะเล สำหรับการฝึกปัญหาที่บังคับการของศูนย์แพทย์ทหารอาเซียนจะใช้พื้นที่จริง ณ กรมแพทย์ทหารบก กรุงเทพฯ

ส่วนกำลังพลและยุทโธปกรณ์ที่เข้าร่วมการฝึก ประกอบด้วย กำลังทหารจากประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจา 18 ประเทศ จำนวน 2,000 นาย โดยมียุทโธปกรณ์ที่เข้าร่วมการฝึก เช่น อากาศยาน C-130, Sea Hawk, Mi-17 และเรือหลวงอ่างทองจากประเทศไทย เรือ LST จากสาธารณรัฐประชาชนจีน อากาศยาน Ka-27 และเรือพยาบาล จากสหพันธรัฐรัสเซีย อากาศยาน CH-47 และเรือ LST จากญี่ปุ่น อากาศยาน Super Puma จากสาธารณรัฐสิงคโปร์ และอากาศยาน C-295 จากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย

สำหรับประโยชน์ที่จะได้รับจากการฝึกร่วมฯ ในครั้งนี้ กระทรวงกลาโหม กองทัพไทย และ 3 เหล่าทัพจะได้ทดสอบการปฏิบัติงานของศูนย์แพทย์ทหารอาเซียนในด้านการฝึกปฏิบัติการร่วมกันของหน่วยงานด้านการแพทย์ทหาร และด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ พัฒนาขีดความสามารถของหน่วยงานและบุคลากรต่างๆ เพื่อรองรับสถานการณ์ภัยพิบัติ และเหตุการณ์ฉุกเฉินที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย และในภูมิภาคได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งสร้างเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของประเทศไทยในระดับภูมิภาคและในระดับสากลต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น