ทันทีที่ ทรู วิชั่นส์ ประกาศอย่างเป็นทางการว่า เป็นผู้ซื้อลิขสิทธิ์ การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกส์ 3 ฤดูกาลแข่งขัน ตั้งแต่ ปี 2559-2561 จากบีอิน สปอร์ต เครือข่ายทีวีกีฬาระดับโลกของ ประเทศกาตาร์ ซีทีเอช ก็ยุติการแพร่ภาพผ่านระบบจานดาวเทียมเคยูแบนด์ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา
นับเป็นการยุติศึกชิงตลาดทีวีระบบบอกรับเป็นสมาชิกระดับชาติ ระหว่างทรู วิชั่นส์ เจ้าเก่า กับ ซีทีเอช ผู้ท้าชิงหน้าใหม่ โดยซีทีเอช เป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างหมดรูป และคงต้องแขวนสตั๊ด หมดอนาคตในธุรกิจพย์ทีวีไปเลย
ความพ่ายแพ้ของซีทีเอช ยังเป็นสิ่งที่บอกว่า คนอย่างวิชัย ทองแตงก็ล้มเหลวได้ ที่ผ่านมา ภาพของเขาที่สื่อวาดให้ คือผู้ชนะ ในเกมการเงินของตลาดหุ้น แต่เมื่อแหย่เท้าลงสนามธุรกิจจริง ที่ต้องใช้ความสามารถมากกว่า ความกล้าได้กล้าเสีย การเจรจาต่อรอง การใช้เล่ห์เหลี่ยม เพทุบาย เขาแพ้แบบไม่เหลือลาย
สามปีที่แล้ว ซีทีเอช เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ หลังจากชนะการประมูลลิขสิทธิ์ ถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลแข่งขัน พ.ศ. 2556-2558 สามปีติดต่อกัน ด้วยมูลค่าสูงถึง 10,000 - 12,000 ล้านบาท
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ เป็นลีกฟุตบอลชั้นนำของโลก ที่มีแฟนฟุตบอลทั่วโลกติดตามชมการแข่งขัน เป็นแม่เหล็กที่สร้างฐานสมาชิกให้ทรู วิชั่นส์ ซึ่งเป็นผู้ผูกขาดถ่ายทอดแต่ผู้เดียวมาโดยตลอด เมื่อซีทีเอช ช่วงชิงมาได้ แม้จะต้องจ่ายในราคาที่แพงมาก ก็มั่นใจว่า พรีเมียร์ลีก จะเป็นตัวที่สร้างฐานสมาชิก สร้างรายได้จำนวนมหาศาล ทำให้ซีทีเอชก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการเพย์ทีวี ระดับชาติหมายเลข 1 แซงหน้าทรู วิชั่นส์ได้ ถึงกับ วางแผนว่า แผนจะนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นในปี 2559
วิชัย ทองแตง เข้ามาถือหุ้นซีทีเอช ในปี 2554 หลังจากบริษัทซึ่งก่อตั้งขึ้นมาเมื่อ 2 ปีก่อน มีปัญหาสภาพคล่อง เป้าหมายของซีทีเอช ในการตั้งบริษัทตอนแรกคือ เป็นผู้ขายรายการ หรือ content provider ที่มีลิขสิทิ์ถูกต้องให้ผู้ประกอบการเคเบิ้ลทีวีท้องถิ่นทั่วประเทศ โดยมีผู้ให้บริการเคเบิ้ลท้องถิ่นเป็นผุ้ถือหุ้น
วิชัย กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ในปี 2555 และดึง “ ไทยรัฐ” มาร่วมถือหุ้นในนามของสมาชิกตระกูล “ วัชรพล” การได้ลิขสิทธิ์ ถ่ายทอดพรีเมียร์ลีกมา ทำให้คิดการใหญ่ เปลี่ยนเป้าหมายจาก การเป็น content provider มาเป็น operator คือ ผู้ประกอบการธุรกิจเพย์ทีวีเสียเอง
จากเดิม ที่มีข้อตกลงกับ ผู้ประกอบการเคเบิ่ลท้องถิ่นว่า ซีทีเอช จะขายรายการให้เคเบิลท้องถิ่น นำไปแพร่ภาพให้สมาชิกผ่านเครือข่ายของผู้ประกอบการแต่ละราย พอถึงสิ้นเดือน ผู้ประกอบการเคเบิลท้องถิ่น จะเก็บเงินค่าสมาชิกของตัววเอง แล้วแบ่งส่วนแบ่งตามข้อตกลงให้ซีทีเอช
พอซีทีเอช ขอเป็นoperator ไม่เป็น content provider แล้ว ผู้ประกอบการเคเบิลท้องถิ่น กลายเป็นพนักงานขายของซีทีเอช มีหน้าที่หาสมาชิก และต้องโอนฐานสมาชิกที่มีอยู่ทั้งหมดให้ซีทีเอช โดยซีทีเอช จะเป็นผู้ออกบิลเก็บเงินเอง แล้วจึงจ่ายส่วนแบ่งให้กับผู้ประกอบการเคเบิลท้องถิ่นทีหลัง
เมื่อโมเดลธุรกิจเปลี่ยนจาก “กินแบ่ง” มาเป็นซีทีเอช “ กินรวบ” แล้วค่อยแบ่งให้เคเบิลท้องถิ่น ทำให้ผู้ประกอบการเคเบิลท้องถิ่น เห็นว่า ซีทเอชเอาเปรียบ และจ้องจะฮุบฐานสมาชิกของเคเบิ้ลท้องถิ่นไปเป็นของตัวเอง ผู้ประกอบการเคเบิลท้องถิ่นซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศประมาณ 350 ราย จึงมีเพียงครึ่งเดียวที่ยอมรับเงื่อนไขของ ซีทีเอช
จำนวนสมาชิกที่ซีทีเอชตั้งเป้าไว้ว่า จะมีถึงหลักล้าน ด้วยจุดขายคือ พรีเมียร์ลีก จึงไปไม่ถึงเป้า ได้เพียงแค่หลักแสน คือ ประมาณ 3 แสนรายเท่านั้น
สาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ซีทีเอช ไปไม่รอด แม้ว่าจะมีสินค้าดีคือ ระบบการบริหารภายใน หลังจากเริ่มแพร่ภาพการแข่งขันพรีเมียร์ลีกได้เพียงสองสามเดือน ก็มีปัญหาระบบการเรียกเก็บค่าสมาชิก ที่ไม่สามารถออกบิลเรียกเก็บค่าสมาชิกได้ ปัญหานี้ต้องใช้เวลาแก้ไขอยู่เกือบปี ทำให้เกิดปัญหาสภาพคล่อง
นอกจากนั้น ยังมีปัญหาการให้บริการหลังการขาย ที่สมาชิกไม่สามารถติดต่อ call center ได้โดยง่าย ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง หรือมากกว่า จึงจะมีผู้รับสาย
สามปีที่ผ่านมาของซีทีเอช เปลี่ยนซีอีโอไปสามคน คนแรกคือ กฤษณนัน งามผาติพงศ์ อดีตผู้บริหารเอไอเอส อยู่ได้ปีเดียว ฤดูกาลต่อมา เปลี่ยนซีอีโอ ใหม่เป็น เชิดศักดิ์ กู้เกียรติ์นันท์ นักบริหาร และ”ที่ปรึกษา” ธุรกิจสื่อสาร ที่เคยอยู่กับเครือชินคอร์ป ช่วงหนึ่ง พอเข้าซีซั่นที่สาม ผู้คุมทีมซีทีเอช กลายเป็น อมฤต ศุขะวณิช ซึ่งเคยเป็นผู้บิรหารของค่ายดีแทคมาก่อน
ซีอีโอ แต่ละคนมาพร้อมกับการตีปี๊บ ประโคมกลยุทธ์ใหม่ที่จะพลิกฟื้นซีทีเอช แต่ทุกคนอยู่ได้ไม่นาน ก็ลาจากไป
วิชัย ทองแตง นั้นอยู่ในฐานะผู้ลงทุน ของซีทีเอช ซึ่งต้องพึ่งพา มือปืนรับจ้าง ให้เป็นผู้บริหารเงินลงทุนของตนให้งอกเงย ว่ากันว่า เขา ซึ่งไม่เคยเสียรู้ให้ใคร มีแต่คนอื่นที่ต้องเสียรู้ให้เขาแต่ฝ่ายเดียว ต้องมาตกม้าตายที่ซีทีเอช เพราะเรื่อง เสียรู้นี่แหละ
วันนี้ ซีทีเอช จอดำไปแล้ว แต่การถอนตัวออกจากธุรกิจของซีทีเอช ยังทิ้งปัญหาไว้ให้กับสมาชิก นั่นคือ การคืนเงินค่าประกันกล่อง Settop จำนวน 1,800 บาทต่อกล่อง สมาชิกบางราย ซึ่งโชคดี หรืออดทน จนติดต่อพนักงาน call center ได้บอกว่า ต้องส่งสำเนาบัตรประชาชน หน้าสมุดเงินฝาก และกล่อง settop คืน กลับไปให้บริษัทก่อน จึงจะได้รับเงินคืน แต่ไม่สามารถกำหนดได้ว่า จะคืนเงินให้ได้เมื่อไร
ข้อมูลจากตัวแทนของซีทีเอช ซึ่งไปให้การกับ อนุกรรมการของ กสทช. เมื่อเร็วๆนี้ระบุว่า สมาชิกระบบเคยูแบนด์ของ ซีทีเอช มีจำนวน 3 แสนคน คิดเป็นเงินค่ามัดจำกล่องที่ซีทีเอชต้องคืนให้เป้นเงินถึง 540 ล้านบาท
ปกติ การติดต่อขอรับบริการจากซีทีเอชเป็นเรื่องที่ยากมากอยู่แล้ว เมื่อซีทีเอชยุติกิจการ อีกไม่นาน call center ก็คงจะปิดตัวลง สมาชิกที่ทำตามกติกา การขอรับเงินค่ามัดจำกล่องคืนจะติดตามเงินคืนได้ที่ไหน ใครจะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้