“ประยุทธ์” ไม่สนนักการเมืองแค่ 20-30 คนค้านร่าง รธน. บอกประชาชนอีก 30 ล้านจะให้เขานำผิดนำถูกก็ตามใจ ย้ำถ้า รธน.ไม่ผ่านก็ยกร่างฯ ใหม่ ส่วนการประชุม คกก.ส่งเสริมวิสาหกิจฯ ดูความก้าวหน้าเอสเอ็มอี ช่วง 2 ปีรัฐบาล คสช.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนักการเมืองออกมาแถลงไม่รับร่างร่างรัฐธรรมนูญ ว่าไม่ต้องเตรียมแผนอะไร หากประชามติไม่ผ่านก็ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ให้เลือกตั้งได้ ส่วนกลไกจะดำเนินการก็ว่ามา แม้แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เองก็เห็นด้วยกับการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ หลายคนก็ออกมาแถลงโดยบอกว่าเป็นความเห็นส่วนตัวก็เป็นของส่วนตัวไป หลายคนก็ออกมาส่วนตัวทั้งนั้น ทั้งนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. ตนก็ให้ทุกคนพูด และพูดอะไรก็ได้แบบนี้เรียกว่าเปิดเวทีหรือยัง เปิดแล้วนะ ยังมาบอกว่าตนไม่ได้เปิด ถ้าไม่เปิดก็จับหมดไปแล้ว พูดไม่ได้ และตอนนี้เขาก็เปิดเวทีให้พูดอยู่แล้ว คงไม่ต้องไปอนุญาตเขาก็ทำกันอยู่แล้ว วันหลังสื่อลองไปตามดู นักการเมืองเขาไปเจอกันที่ไหนบ้าง แล้วถามว่าเขาประชุมกันหรือเปล่า เขาไม่ไปที่พรรคแต่ไปที่อื่นหรือเปล่าต้องไปถามเขา อย่ามาถามตน เพราะไม่ได้เฝ้า
“ผมยืนยันง่ายๆ แค่นี้จะไปยากตรงไหน ไม่ต้องมีแผนอะไร เพราะเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว การเลือกตั้งต้องมีรัฐธรรมนูญมาก่อน และก็ยังไม่ทำประชามติเลย ไปตีตนก่อนไข้อะไรนักหนา ถ้าไม่ดีก็ร่างใหม่ แต่จะร่างใหม่อย่างไรก็ว่ากันอีกที เข้าใจหรือยัง อย่าเอาทุกคนมาถาม ผมไม่ตอบ”
ส่วนนักการเมืองมาพูดว่าไม่รับร่างรัฐธรรมนูญจะมีผลต่อประชาชนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์หัวเราะและกล่าวว่า มันก็เรื่องของท่าน แล้วคนพวกนี้มีกี่คน 20-30-10 แล้วคนที่มีสิทธิเลือกตั้งอายุ 18 ปีขึ้นไปมีกี่คน เกือบ 30 ล้านคน ประชาชนจะให้เขานำผิดนำถูกก็แล้วแต่ ประชาชนเป็นคนเลือกต้องเรียนรู้ เอาอย่างนี้ตนพูดอะไรไม่ได้ เดี๋ยวจะกลายเป็นล็อคนู่นนี่อีก ขอให้ไปดูว่าก่อน 22 พ.ค. 2557 มันมีอะไรอยู่ แล้วจะต้องการให้เกิดขึ้นในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ก็ไปคิดเอา นั่นหล่ะคือคำตอบของตน
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เฉพาะกิจ) ครั้งที่ 2/2559 ว่า วันนี้เป็นการประชุมเรื่องการพัฒนาเอสเอ็มอีและแผนยุทธศาสตร์ โดยเป็นการเห็นชอบหลักการในการดำเนินการ และรายงานผลความก้าวหน้าในช่วงที่รัฐบาลเข้ามา 2 ปี โดยรัฐบาลให้ความสนใจกับธุรกิจเอสเอ็มอีอย่างจริงจัง
นอกจากนี้ยังได้พูดถึงในส่วนของสตาร์ทอัพซึ่งเป็นเอสเอ็มอีเหมือนกัน และต้องใส่คำว่าภาคการเกษตรเข้าไปด้วย เป็นการเกษตรและการบริการ ที่จะทำให้ภาคการผลิตเข้มแข็งขึ้น อย่างไรก็ตาม เราได้มีการวางแผนยุทธศาสตร์ 5 ปีข้างหน้า ให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีด้วย