เมืองไทย 360 องศา
หลังจากมีการสรุปตัวเลขความเสียหายจาก “โครงการรับจำนำข้าว” เฉพาะกรณีของ บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับพวกที่เป็นอดีตข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งหมด 6 คน ที่แยกย่อยมาจากการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) อันมิชอบ หรือที่เรียกว่าจีทูจีเก๊ จำนวน 4 สัญญา ปริมาณ 6.2 ล้านตัน ที่หมายถึงไม่มีการซื้อขายจริง จนล่าสุดมีการออกคำสั่งทางปกครองเพื่อเรียกค่าเสียหายทางแพ่งกับพวกเขาจำนวน 2 หมื่นล้านบาท
จากการเปิดเผยของ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ได้เปิดเผยว่าขณะนี้ อภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ลงนามในคำสั่งบังคับทางการปกปครองเพื่อเรียกค่าเสียหายไปแล้ว อีกทั้งยังเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติก็ได้ลงนามร่วมไปแล้ว ตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่แนะนำว่าสมควรลงนามทั้งคู่
สำหรับการชดใช้ค่าเสียหายนั้นมีการระบุตัวเลขว่าแต่ละคนจะต้องชดใช้จำนวนเท่าใด ในกรณีของ บุญทรง เตริยาภิรมย์ จะมีการจ่ายค่าเสียหายน้อยที่สุดซึ่งเป็นตัวเลขที่คณะกรรมการพิจารณาความเสียหายเป็นผู้พิจารณาส่งมา ขั้นตอนต่อไป บุญทรง เตริยาภิรมย์, ภูมิ สาระผล, พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, มนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ, ทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ ซึ่งพวกเขาสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อผู้บังคับบัญชาภายในเวลาที่กำหนด
ขณะเดียวกัน สิ่งที่ต้องพิจารณากันต่อก็คือ กรณีของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่ต้องถูกเรียกค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว แม้ว่าจากข้อมูลของ วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุว่า ยังพิจารณาไม่เสร็จ ยังอยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการความรับผิดชอบทางแพ่งที่มีอธิบดีกรมบัญชีกลาง คือ มนัส แจ่มเวหา เป็นประธาน ซึ่งประธานคณะกรรมการดังกล่าวย้ำว่าจะเร่งรัดให้สรุปภายใน 2 เดือนนี้ก่อนที่ตัวเขาเกษียณอายุราชการ
เมื่อพิจารณาจากจำนวนวันเวลาที่เหลืออยู่ก็จะน่าไม่เกินเดือนกันยายนก็น่าจะได้ข้อสรุปแล้วว่า จำนวนตัวเลขความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวเฉพาะในส่วนของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะรับชดใช้ทางแพ่งจำนวนเท่าใด แต่ที่ผ่านมาจากตัวเลขอ้างอิงของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มี จิรชัย มูลทองโร่ย รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้สรุปตัวเลขเอาไว้ที่จำนวน 286,639 ล้านบาทเศษ ซึ่งเป็นการอ้างอิงของเขาในการไต่สวนพยานโจทก์ครั้งที่ 8 ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หมายเลขดำที่ อม.22/2558 ที่อัยการสูงสุดฟ้องยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2559 ซึ่งจิรชัยให้การต่อศาลว่าค่าเสียหายทั้งหมดที่ยิ่งลักษณ์ต้องชดใช้มีจำนวนดังกล่าวข้างต้นเป็นตัวเลขที่คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงส่งไปให้คณะกรรมการความรับผิดทางแพ่งที่มีมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลางเป็นประธานด้วย
ดังนั้น เมื่อคำนวณจากตัวเลขและระยะเวลาแล้วก็จะเห็นว่าจำนวนมูลค่าความเสียหายทางแพ่งที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะต้องชดใช้ความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวก็น่าจะเป็นจำนวน 286,639 ล้านบาท ตามที่มีการสรุปของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงก่อนหน้านี้ แต่อย่างไรก็ตาม การสรุปทางแพ่งอย่างเป็นทางการก็น่าจะมีขึ้นภายในเดือนกันยายน หรือก่อนหน้านั้นก็ได้ แต่ถ้าเกิดขึ้นก่อนการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ วันที่ 7 สิงหาคมมันก็อาจสร้างแรงกระเพื่อม สร้างบรรยากาศตึงเครียดในทางการเมืองเหมือนกัน เพราะทั้งสองเรื่องสามารถถูกโยงถึงกันได้ แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นทุกอย่างก็ต้องเดินหน้ามีบทสรุปจนได้ ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง
สำหรับกรณีความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวที่บอกว่าเป็นเรื่องใหญ่โดยเฉพาะกับตัวของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย เพราะมีผลต่ออนาคตทางการเมืองในวันหน้า และยังเกี่ยวพันไปถึงร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หากผ่านประชามติ มันก็มีผลต่อคุณสมบัติต้องห้าม เรื่องนี้แหละมันมีผลแบบมีนัยสำคัญ จะป่วนหรือไม่ป่วนมันก็มีสาเหตุจากเรื่องแบบนี้ด้วย มันถึงบอกว่ามันงวดเข้ามาทุกทางแล้วจริงๆ!