“สุรพงษ์” เตือนรัฐบาลอย่าทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ทูตสหภาพยุโรปแถลงบี้ไทยเปิดให้แสดงความเห็นประชามติ อ้างอนาคตต่างชาติจะมีมาตรการอื่น ๆ ตามมา ส่งผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แนะ “ประยุทธ์” คิดให้หนัก เชื่อคงได้สัมผัสในเวทีอาเซม ด้าน “ชวลิต” ขู่ไม่เชื่อเจอผลร้ายแก่คนทั้งชาติ อ้างทูตคงเห็นด้วยตาตัวเอง แนะผ่อนคลายอำนาจ
วันนี้ (16 ก.ค.) นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีต รมว.ต่างประเทศ และแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้เห็นการที่สถานทูตของสหภาพยุโรป (อียู) 20 กว่าประเทศ สหรัฐอเมริกา และแคนาดา ในประเทศไทย ออกแถลงการณ์ร่วมแสดงความห่วงใย และได้เรียกร้องให้รัฐบาล คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดกว้างให้มีการแสดงความคิดเห็นของทุก ๆ ฝ่าย ที่มีต่อร่างรัฐธรรมนูญได้อย่างเสรี ในช่วงก่อนการทำประชามติ ต้องถือว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่รัฐบาล คสช. จะแกล้งทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ไม่สนใจ และสั่งการให้โฆษกกระทรวงบัวแก้ว ออกมาชี้แจง และคิดว่า เรื่องมันก็คงจะจบลงไปง่าย ๆ อีกทั้งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐสภาเยอรมนี ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลไทยต้องเคารพสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย จึงขอฝากเตือนมายัง คสช. ว่า เรื่องเช่นนี้ หาก คสช. ไม่ให้ความสำคัญต่อการเรียกร้อง เชื่อว่า ในอนาคตก็ย่อมจะมีมาตรการอื่น ๆ ตามมา และอาจจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ด้านอื่น ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการค้า การลงทุน แม้กระทั่งการท่องเที่ยว
นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลทหารในครั้งนี้ ผู้ประกอบการค้าขาย นักลงทุน นักธุรกิจ พ่อค้าแม่ขายชาวไทย ทั้งหลาย พึงตระหนักเอาไว้ก่อนที่จะสายเกินแก้ และเตรียมตัวเตรียมใจรองรับเอาไว้ด้วย จะมากล่าวหากันว่าทำไมไม่เตือนกัน ไม่บอกกล่าวกันไว้ล่วงหน้าไม่ได้ ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ได้คิดให้หนัก ซึ่งท่านน่าจะรู้ดีว่าเขาคิดกับเราอย่างไรในเวทีการประชุมผู้นำเอเชีย - ยุโรป ที่มองโกเลีย ที่ท่านไปร่วมประชุมมาสด ๆ ร้อน ๆ ผู้นำยุโรปเขามีความรู้สึกกับไทยเราอย่างไรบ้าง ท่านน่าจะสัมผัสได้ดีด้วยตัวของท่านเอง ถ้าท่านไม่คิดที่จะหลอกตัวเอง
ด้าน นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นเรื่องไม่ธรรมดาที่ทูตถึง 22 ประเทศ มีความเห็นสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน หากไม่เชื่อคำแนะนำ ผลร้ายคงไม่ตกแก่รัฐบาล และ คสช. แต่จะตกแก่คนไทยทั้งประเทศโดยส่วนรวม โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การขาย ซึ่งย่ำแย่อยู่แล้ว จะถึงขั้นติดพื้นหรือไม่ หากไทยแปลกแยกกับชาวโลก ประชามติของไทยคงจะแตกต่างจากประเทศอื่นในโลก ไม่เช่นนั้น ทูต 22 ประเทศ คงไม่รวมตัวกันถึงขนาดนี้ ถ้าประเทศไทยยังอยากอยู่ในสังคมโลก อย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี ควรกอบกู้เกียรติยศนั้นกลับคืนมาโดยเร็ว รัฐบาล และกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ต้องแก้ตัวใดอีก เพราะไม่มีใครไปล็อบบีทูตต่างประเทศได้มากมายขนาดนั้น คงเห็นด้วยตาของเขาเองเช่นเดียวกับคนไทย ทางแก้ที่ดีที่สุด คือ ผ่อนคลายอำนาจเพื่อให้บรรยากาศสอดคล้องกับการจะจัดทำประชามติ และดำเนินการไปตามโรดแมปที่วางไว้