“สมชัย” อบรมบุคลากรรับประชามตินอกเขตปราจีนบุรี-ลพบุรี ที่นำร่องใช้สมาร์ทการ์ดแสดงตน ติวเข้มพบปัญหามี 2 ช่องลงคะแนน ส่อบัตรเสียง่าย กำชับ กก.ประจำหน่วยฯต้องจริงจัง อย่าให้ถูกท้วงได้ ชี้ราชการขนคนใช้สิทธิต้องเฉพาะที่ทุรกันดาร-คนแก่-พิการ และขออนุมัติก่อน ห้ามสังเกตการณ์ในหน่วย ปรามอย่าใส่เสื้อ YES NO มาใช้สิทธิ
วันนี้ (15 ก.ค.) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้จัดฝึกอบรมบุคลากรเพื่อเตรียมความพร้อมในการออกเสียงประชามตินอกเขตจังหวัด กรณีให้มีการใช้เครื่องอ่านบัตรประจำตัวประชาชน (Smart card reader) ที่จะมีการนำมาทดลองใช้ในขั้นตอนการแสดงตนในการออกเสียงประชามตินอกเขตจังหวัดนำร่องในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี และ จ.ลพบุรี โดยนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวมอบนโยบายระหว่างลงพื้นที่ตรวจความพร้อมที่ จ.ปราจีนบุรี โดยกำชับให้เน้นการอบรมกรรมการประจำหน่วยออกเสียง เพราะเมื่อไปเจอสถานการณ์จะเจอปัญหาความไม่ชัดเจน ความหละหลวม ดังนั้น อย่าเพียงอ้างว่าเคยทำแล้วไม่ต้องสนใจ เพราะการทำประชามติครั้งนี้อยู่ในสายตาคนในประเทศและชาวต่างชาติที่จับตาดู เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนขอให้ทำโดยยึดระเบียบและขั้นตอน ต้องจริงจัง ไม่ใช่เซ็นชื่อ กินอาหารแล้วกลับ โดยตั้งแต่เวลาเปิดหีบลงคะแนนจนถึงปิดอีกต้องทำตามระเบียบเพื่อไม่ให้คนมาท้วงได้ จึงต้องทำให้เป็นที่ยอมรับทั้งการออกเสียง และผลการลงประชามติ และไม่ใช่คนมาท้วงการทำงานของเจ้าหน้าที่ว่าไม่โปร่งใส ดังนั้นเราต้องระมัดระวังทุกหน่วยออกเสียง ไม่เว้นแม้แต่หน่วยเล็กๆ
นายสมชัยยังระบุว่า ในเรื่องการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่จะมาออกเสียงประชามติ กกต.ได้ออกแนวทางปฏิบัติแล้ว ว่าถ้าหน่วยงานราชการจากขนคนมาใช้สิทธิ จะต้องเป็นกรณีพื้นที่ทุรกันดาร และในกรณีผู้สูงอายุหรือผู้พิการ ทั้งนี้จะต้องขออนุมัติจาก กกต.จังหวัด เพื่อไม่ให้โดนข้อครหาขนคนมาใช้สิทธิ
ส่วนการสังเกตการณ์ของอาสาสมัครหรือองค์กรเอกชนนั้น การออกเสียงประชามติครั้งนี้ไม่อนุญาตให้องค์กรเอกชนเข้าไปสังเกตการณ์ในหน่วยออกเสียงประชามติ แต่หากมาสังเกตการณ์นอกหน่วย กรรมการประจำหน่วยจะต้องดูว่าเข้าไปในหน่วยเลือกตั้งไม่ได้ สร้างความวุ่นวายไม่ได้ ขัดขวางเจ้าหน้าที่ไม่ได้ และห้ามแสดงตนในการข่มขู่หรือโน้มน้าวใจให้ออกเสียงไปในทางใดทางหนึ่ง
นายสมชัยยังกล่าวถึงกรณีการใส่เสื้อ vote yes หรือ no เข้ามาในหน่วยว่าไม่ผิด แต่ขอให้หลีกเลี่ยง เพราะไม่ค่อยเหมาะสม ส่วนการวินิจฉัยบัตรดี-บัตรเสียขอให้ซักซ้อมให้ดี และวินิจฉัยด้วยความโปร่งใส โดยครั้งนี้บัตรออกเสียงประชามติมีการลงคะแนนใน 2 ส่วน เชื่อว่าจะมีการทักท้วง จึงขอให้ใช้เวลาในการวินิจฉัยให้รอบคอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการจัดอบรมสร้างความรู้ความเข้าใจการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ แก่วิทยากรออกเสียงระดับอำเภอ ของจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งเป็นข้าราชการที่ได้รับคัดเลือกจากทางอำเภอ โดยเน้นให้ความรู้เรื่องข้อกฎหมายและขั้นตอนการลงคะแนน รวมถึงการนับคะแนน ซึ่งจากการอบรมพบว่า ปัญหาเบื้องต้นคือ บัตรออกเสียงครั้งนี้จะแตกต่างจากการเลือกตั้งทั่วไป เนื่องจากมีช่องลงคะแนน 2 ช่อง คือเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญ และเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับคำถามพ่วงซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหาบัตรเสีย หรือปัญหาการนับคะแนนผิดพลาดได้ง่าย ดังนั้นจึงต้องสาธิตเรื่องการนับคะแนนหลายรอบด้วยกัน โดยหลังเสร็จสิ้นการอบรมครั้งนี้วิทยากรทั้งหมดจะต้องไปถ่ายทอดความรู้ให้แก่คณะกรรมการประจำหน่วยออกเสียงของแต่ละหมู่บ้าน ซึ่งจะมีหมู่บ้านละ 8 คน โดยการถ่ายทอดความรู้จะมีขึ้นในช่วง 3 วันสุดท้ายก่อนที่จะมีการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ
นายสมชัยให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ในการออกเสียงประชามติครั้งนี้จะมีการนำเครื่องอ่านบัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดในการแสดงตนในการออกเสียงประชามติมาใช้ใน จ.ปราจีนบุรี และ จ.ลพบุรี โดยใน จ.ปราจีนบุรีจะมีการใช้เครื่องอ่านบัตรแบบสมาร์ทการ์ดใน 3 หน่วย ซึ่งมีจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงประมาณ 5,000 คน และ จ.ลพบุรีมีการใช้เครื่องอ่านบัตรแบบสมาร์ทการ์ด 1 หน่วย โดยมีจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงประมาณ 1,700 คน ทั้งนี้ การระบบดังกล่าวจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการใช้สิทธิออกเสียง ซึ่งจะประหยัดเวลาและทำให้เกิดความสะดวกสบายรวดเร็วยิ่งขึ้น จากเดิมที่ผู้ใช้สิทธิต้องไปตรวจสอบรายชื่อที่บัญชีรายชื่อหน้าหน่วยออกเสียง อาจจะใช้เวลานานถึง 10 นาที แต่การใช้เครื่องอ่านบัตรแบบสมาร์ทการ์ดจะใช้เวลาไม่กี่วินาที เพราะหลังจากเสียบบัตรประชาชนเข้าเครื่องอ่านบัตรแล้ว ก็จะมีข้อมูลขึ้นมาทันทีโดยระบบจะเชื่อมกับข้อมูลของกระทรวงมหาดไทย หากผู้ใช้สิทธิไม่ได้ลงทะเบียนขอใช้สิทธินอกเขตในหน่วยออกเสียงนั้น ก็จะมีข้อความขึ้นเตือน และไม่สามารถใช้สิทธิในหน่วยนั้นได้ และเมื่อมีการใช้สิทธิแล้วระบบก็จะทำการบันทึกข้อมูลซึ่งก็จะไม่สามารถใช้สิทธิซ้ำได้
ทั้งนี้ การใช้ระบบดังกล่าวจะมีความเสี่ยงที่เครื่องอ่านบัตรแบบสมาร์ทการ์ดขัดข้อง แต่ก็มีเพียง 5 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ความเสี่ยงเรื่องข้อมูลรั่วไหลนั้นไม่มีเพราะข้อมูลที่ปรากฏขึ้นจากการใช้เครื่องอ่านบัตรแบบสมาร์ทการ์ดก็เป็นข้อมูลที่มีอยู่ในกรมการปกครองอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามแม้จะมีการใช้เครื่องอ่านบัตรแบบสมาร์ทการ์ดแต่ก็จะมีการแสดงตนในแบบเก่าไว้ในกรณีที่ระบบมีปัญหา ส่วนการเลือก จ.ปราจีนบุรี และ จ.ลพบุรี นั้นยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับการเป็นพื้นที่ทหารแต่อย่างใด แต่เพราะเป็นหน่วยออกเสียงที่มีผู้มีสิทธิออกเสียงจำนวนไม่น้อยหรือมากเกินไป ทั้งนี้หากการนำร่องใช้ระบบดังกล่าวประสบความสำเร็จก็จะมีการขยายผลใช้ในจังหวัดอื่นๆ ต่อไป