หัวหน้าทีมกฎหมาย ปชป.เห็นด้วย “นพดล” ผลโพลชี้นำให้รับร่าง รธน. ขอ ปชช.ใช้ดุลพินิจ เชื่อผู้มีอำนาจคงไม่ทำให้ประชามติไม่ชอบธรรม ชี้พื้นที่ไหนล่อแหลมก็เหมาะมีทหารดูแล มอง กกต.มีบทเรียนรุ่นพี่คงไม่ทำให้เกิดปัญหา
วันนี้ (14 ก.ค.) นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายนพดล ปัทมะ แกนนำพรรคเพื่อไทยออกมาแสดงความเป็นห่วงว่าผลโพลจากสำนักต่างๆอาจจะชี้นำประชาชนในการทำประชามติวันที่ 7 เม.ย.ว่าตนเห็นด้วยกับนายนพดลในกรณีนี้ ต้องยอมรับว่าผลโพลต่างๆที่ออกมาในตอนนี้ก็มีผลต่อการชี้นำการตัดสินใจของประชาชน ถ้าผลโพลชี้นำไปในทางที่รับร่างรัฐธรรมนูญ คนที่ไม่อยากให้รับร่างรัฐธรรมนูญก็ต้องดิ้นรน แต่ถ้าผลโพลชี้นำไปในทางที่ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ คนที่อยากให้รับร่างรัฐธรรมนูญก็ต้องดิ้นรนเช่นกัน ตนอยากให้ประชาชน ชาวบ้านใช้ดุลพินิจเลือกว่าโพลไหนที่น่าเชื่อถือ ไหนไม่น่าเชื่อถือ แต่ละโพลก็มีประวัติที่ชัดเจนอยู่แล้ว
นายวิรัตน์กล่าวต่อถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ออกมาพูดถึงกรณีที่ผู้มีอำนาจจะทำให้ประชามติเกิดความไม่ชอบธรรมว่า ตนคิดว่าทุกฝ่ายต้องทำตามกฎหมาย และในปัจจุบันสังคมโลกแคบมาก ถ้าทำอะไรไม่ถูกไม่ชอบธรรม เรื่องเหล่านี้ก็แพร่กระจายไปทั้งโลก ในแต่ละคูหานั้นก็มีเจ้าหน้าที่ มีอาสาสมัครจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีข้าราชการส่วนท้องถิ่นประจำอยู่ หากผู้มีอำนาจเขาจะเอาทหารปิดล้อมคูหาลงประชามติ ภาพที่ออกมาก็คงจะดูไม่ดี ดังนั้นตนคิดว่าเขาคงไม่ทำแบบนั้นแน่ๆ ส่วนกรณีที่จะเอาทหารไปอารักขาคูหานั้น ตนคิดว่าพื้นที่ไหนเป็นพื้นที่ที่มีความล่อแหลมก็สามารถขอกำลังได้เป็นรายกรณีไป
นายวิรัตน์กล่าวต่อว่า ในตอนนี้มีกฎหมาย มีระเบียบ กกต.อยู่ ซึ่งระบุชัดเจนว่าการลงประชามตินั้นจะต้องมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นที่ยอมรับกับประชาชน ดังนั้นตนคิดว่าประชามติราคา 3 พันล้านบาท ถ้าทำกันแบบหลบๆ ซ่อนๆ ไม่โปร่งใสคงจะไม่ได้อะไร
“กกต.ต้องดูบทเรียนในอดีตที่ผ่านมาว่าต้องไม่ทำตัวให้เหมือนกับรุ่นพี่ที่ติดคุกไปแล้ว ตอนที่พรรคไทยรักไทยโกงการเลือกตั้ง ส่งดังนั้น กกต.ในยุคนี้เขาคงต้องทำให้การทำประชามติในครั้งนี้ไม่มีปัญหา” นายวิรัตน์กล่าว