โฆษกกลาโหมเผย “ประวิตร” สั่งเหล่าทัพขุดลอกแหล่งน้ำเฉลิมพระเกียรติฯ 1,231 บ่อ ให้เสร็จ ส.ค.นี้ รับมืออุทกภัย-กักน้ำไว้เมื่อภัยแล้ง รับทราบแผนเตรียมกำลัง-ใช้กำลัง 7 ปีตามยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศ มุ่งสร้างหน่วย-อาวุธยุทโธปกรณ์พร้อมรบตามจำเป็น ย้ำเจตนารมณ์ กห.ไร้ทุจริต ตามแนวทางปฏิรูปกองทัพ สั่งดูแลช่วงรอมฎอน ขยายผลโครงการพาคนกลับบ้าน
วันนี้ (20 มิ.ย.) ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.นี้ พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมสภากลาโหม ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานว่า รมว.กลาโหมได้มอบนโยบายให้หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกลาโหม (นขต.กห.) และผู้บัญชาการเหล่าทัพสนับสนุนขับเคลื่อน โครงการ “๗๐ ปีครองราชย์ ประชารัฐรวมใจภักดิ์ ป่ารักษ์น้ำตามรอยพ่อ” อย่างต่อเนื่องและเต็มกำลังความสามารถ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๗๐ ปี และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ และได้กำชับให้กองบัญชาการกองทัพไทย และกองทัพบกใช้เครื่องมือช่างและทรัพยากรของกองทัพที่มีอยู่ ขับเคลื่อนกิจกรรมประกอบโครงการบูรณาการขุดลอกแหล่งน้ำทั่วประเทศ จำนวน 1,213 โครงการ ให้แล้วเสร็จภายในกรอบเวลาที่กำหนด คือ ส.ค. 59 โดยจะมีพื้นที่กว่า 2 ล้านไร่ ครอบคลุม 70 จังหวัด และประชาชนได้รับประโยชน์เกือบ 5 แสน หรือ 4.73 ครัวเรือน
ทั้งนี้ เพื่อเตรียมการป้องกันและแก้ปัญหาอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในฤดูฝน รวมทั้งเตรียมการรองรับน้ำเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเก็บกักและกระจายน้ำเข้าพื้นที่ต่างๆ ที่เคยได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง เพื่อใช้ประโยชน์ในการอุปโภคบริโภค และเพื่อการเกษตร ขณะนี้มีความคืบหน้าประมาณ 60% ก็ให้เร่งโครงการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำเฉลิมพระเกียรติอีก 54 โครงการที่ทำคู่กันไป ซึ่งโครงการนี้มีระยะเวลาดำเนินงานถึงสิ้นปี ครอบคลุมพื้นที่ทั้งประเทศ 1.3 แสนไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์เกือบ 1.7 หมื่นครัวเรือน ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบของรัฐบาลในภาพรวม
พล.ต.คงชีพกล่าวด้วยว่า ขณะนี้บางพื้นที่มีฝนตกหนักต่อเนื่องเกิดปัญหาน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลันและดินโคลนถล่ม อาจทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งเส้นทางคมนาคมถูกตัดขาดซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ รมว.กลาโหมจึงขอให้ นขต.กห.และเหล่าทัพเตรียมความพร้อมและให้การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย เพื่อบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนโดยทันที ตลอดจนให้ประสานกับส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือและสนับสนุนการบูรณะพื้นที่ให้กลับสู่สภาพปกติโดยเร็ว
พล.ต.คงชีพกล่าวว่า ในที่ประชุมสภากลาโหมได้แจ้งให้ทราบถึงความคืบหน้าของการปฏิรูปกองทัพ หลังจากมีการแต่งตั้ง “คณะกรรมการยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศ” ทบทวนปรับปรุงยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศ กลาโหมฉบับเดิม และจัดทำร่างใหม่ขึ้นแล้ว คือ “ยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศ กระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2560-2579” โดยกำหนดเป้าหมายสุดท้าย คือ การมีกองทัพที่มีโครงสร้างกะทัดรัด มีกำลังพลที่เหมาะสม มียุทธโปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีขีดความสามารถในการปฏิบัติภารกิจได้หลากหลาย” ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากสภากลาโหมแล้ว เมื่อ เม.ย. 2559
พล.ต.คงชีพกล่าวอีกว่า ขณะนี้กลาโหมกำลังเข้าสู่กระบวนการทบทวนปรับปรุงแผนการเตรียมกำลังและแผนการใช้กำลังของกลาโหมในภาพรวมให้มีความสอดคล้องกันอย่างเป็นระบบ โดยแผนการเตรียมกำลังที่สำคัญที่กำลังดำเนินการอยู่ ประกอบด้วย แผนแม่บทการปฎิรูปการบริหารจัดการและการปรับปรุงโครงสร้างกลาโหม พ.ศ. 2560-2567” คาดว่าจะแล้วเสร็จ ภายใน ส.ค. 59 โดยจะใช้เป็นพื้นฐานในการปรับปรุงส่วนราชการและระบบงานทั้ง 18 ระบบงาน นอกจากนั้นจะทำการทบทวน/ปรับปรุง และจัดทำ “แผนพัฒนาขีดความสามารถกลาโหม พ.ศ. 2560-2569” ซึ่งจะใช้เป็นพื้นฐานของการเสริมสร้างหน่วยให้มีความสมบูรณ์และพร้อมรบด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ตามความจำเป็นต่อไป
โฆษกกลาโหมกล่าวต่อว่า รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้ย้ำถึงการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตระหว่างกลาโหมและสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติที่ผ่านมา ว่าเป็นเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ของกลาโหมในการร่วมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การป้องปรามการทุจริต โดยความร่วมมือดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นในการปฏิรูปกองทัพที่เกี่ยวข้องกับระบบงานตรวจสอบและประเมินผลที่กำลังดำเนินงานอยู่โดยมีวัตถุประสงค์ที่ต้องการสร้างความเชื่อมั่นต่อการบริหารจัดการและการกำกับดูแลการใช้ทรัพยากรของกองทัพให้โปร่งใส เหมาะสม คุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมรับการตรวจสอบจากทุกภาคส่วนของสังคม โดยกำชับให้หัวหน้า นขต.กห.และผบ.เหล่าทัพ ให้ความสำคัญกับกิจกรรมดังกล่าวเพื่อขยายผลสร้างความตระหนักรู้และจิตสำนึกของกำลังพลในทุกระดับของการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อลดความเสี่ยงในการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งต่อไปจะมีการขยายผลขับเคลื่อนสร้างจิตสำนึกและให้ความรู้กับกำลังพลในหลักสูตรการศึกษาของกองทัพในทุกระดับ ขณะเดียวกัน ก็ขอให้กวดขันและกำกับดูแลการบูรณาการระบบบริหารงานให้เกิดความโปร่งใส โดยยึดประโยชน์ของทางราชการเป็นสำคัญ ไม่ให้ปัญหาทุจริตเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด
พล.ต.คงชีพกล่าวอีกว่า พล.อ.ประวิตรขอให้เหล่าทัพร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านความมั่นคงอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติศาสนกิจให้แก่ประชาชนในพื้นที่ และเพิ่มมาตรการในการดูแลความสงบเรียบร้อยในห้วงเดือนรอมฎอน (ระหว่างวันที่ 7 มิ.ย.- 5 ก.ค. 2559) ซึ่งพี่น้องชาวไทยมุสลิมทั่วประเทศได้เข้าสู่การถือศีลอด บำเพ็ญกุศลตามหลักศาสนา รวมทั้งช่วยกันเฝ้าระวัง เพื่อสร้างบรรยากาศสันติสุขในเดือนรอมฎอนให้ดำเนินไปด้วยความสงบเรียบร้อย ขณะเดียวกันให้ขยายผลให้โอกาสประชาชนเข้ามาร่วมพัฒนาชาติไทยในโครงการ “พาคนกลับบ้าน” เพื่อสร้างการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขที่ยั่งยืน