คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จัดหาที่ดิน 30 ไร่ แก้ปัญหาชุมชนแออัด ที่ปลูกสร้างรุกล้ำลําน้ำสาธารณะ ตามแผน “ปทุมโมเดล” พร้อมคุมเข้มการจุดและปล่อยบั้งไฟ พลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควัน ป้องกันอันตรายและความเสียหายแก่ประชาชน ฝ่าฝืนจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่น
วันนี้ (10 มิ.ย.) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 26/2559 เรื่อง การจัดหาที่ดินเพื่อใช้ในการดําเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกลําน้ำสาธารณะ เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายเร่งด่วน แก้ปัญหาชุมชนแออัด ที่ปลูกสร้างรุกล้ำลําน้ำสาธารณะ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี เพื่อบริหารทรัพยากรน้ำป้องกันปัญหาอุทกภัย กําหนดให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ที่แก้ปัญหาการบุกรุกที่ดินสาธารณะ จ.ปทุมธานี ตาม “โครงการปทุมธานีโมเดล” รองรับประชาชนให้มีที่อยู่อาศัยมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว เข้ามาดําเนินการโดยนําที่ดินซึ่งพ้นจากสภาพที่ประชาชนใช้ประโยชน์มาดําเนินการ โดยยังคงสภาพการเป็นที่ดินของรัฐ ให้สหกรณ์ ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนตามกฎหมาย นําไปใช้ประโยชน์บนพื้นฐานความสมัครใจ และความร่วมมือกับประชาชนในพื้นที่ พัฒนาที่อยู่อาศัยแก้ไขปัญหาลักษณะเดียวกันในพื้นที่อื่นต่อไป อาศัยอำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว หัวหน้า คสช. จึงมีคำสั่งให้คลองเชียงรากใหญ่ ซึ่งมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 30 ไร่ ในท้องที่ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ตามแผนที่ที่กำหนด ตกเป็นที่ราชพัสดุ และให้กรมธนารักษ์จัดให้สหกรณ์ตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ ที่จัดตั้งขึ้นตามโครงการปทุมธานีโมเดล นําไปใช้ประโยชน์ในการดําเนินโครงการโดยให้คำสั่งนี้มีผลตั้งแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
อีกฉบับหนึ่ง เป็นคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 27/2559 เรื่อง มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากการจุดและปล่อยบั้งไฟ พลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควัน หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนป้องกันอันตรายและความเสียหายที่จะเกิด แก่ชุมชน ประชาชนจากการจุดและปล่อยบั้งไฟ พลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควัน หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน อาศัยอำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว หัวหน้า คสช. จึงมีคำสั่งห้ามไม่ให้ผู้ใดจุดและปล่อย วัตถุที่กล่าวมาข้างต้น ขึ้นสู่อากาศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากผู้อํานวยการเขต สําหรับกรุงเทพมหานคร หรือนายอําเภอแห่งท้องที่ สําหรับจังหวัดต่าง ๆ รวมถึงให้จังหวัดจัดทําประกาศจังหวัดโดยความเห็นชอบร่วมกันของคณะกรมการจังหวัด และสภาวัฒนธรรมจังหวัด เพื่อกําหนดมาตรการป้องกันและการรักษาความปลอดภัยการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน ในการจุดและปล่อยหรือกระทําการอย่างใดเพื่อให้บั้งไฟ พลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควัน หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน ขึ้นไปสู่อากาศ ส่วนกรุงเทพมหานครให้ออกข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครเพื่อกําหนดมาตรการต่าง ๆ เช่นกัน หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศจังหวัดตามหรือข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร มีโทษจําคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ โดยให้คำสั่งมีบังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
วันนี้ (10 มิ.ย.) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 26/2559 เรื่อง การจัดหาที่ดินเพื่อใช้ในการดําเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกลําน้ำสาธารณะ เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายเร่งด่วน แก้ปัญหาชุมชนแออัด ที่ปลูกสร้างรุกล้ำลําน้ำสาธารณะ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี เพื่อบริหารทรัพยากรน้ำป้องกันปัญหาอุทกภัย กําหนดให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ที่แก้ปัญหาการบุกรุกที่ดินสาธารณะ จ.ปทุมธานี ตาม “โครงการปทุมธานีโมเดล” รองรับประชาชนให้มีที่อยู่อาศัยมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว เข้ามาดําเนินการโดยนําที่ดินซึ่งพ้นจากสภาพที่ประชาชนใช้ประโยชน์มาดําเนินการ โดยยังคงสภาพการเป็นที่ดินของรัฐ ให้สหกรณ์ ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนตามกฎหมาย นําไปใช้ประโยชน์บนพื้นฐานความสมัครใจ และความร่วมมือกับประชาชนในพื้นที่ พัฒนาที่อยู่อาศัยแก้ไขปัญหาลักษณะเดียวกันในพื้นที่อื่นต่อไป อาศัยอำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว หัวหน้า คสช. จึงมีคำสั่งให้คลองเชียงรากใหญ่ ซึ่งมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 30 ไร่ ในท้องที่ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ตามแผนที่ที่กำหนด ตกเป็นที่ราชพัสดุ และให้กรมธนารักษ์จัดให้สหกรณ์ตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ ที่จัดตั้งขึ้นตามโครงการปทุมธานีโมเดล นําไปใช้ประโยชน์ในการดําเนินโครงการโดยให้คำสั่งนี้มีผลตั้งแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
อีกฉบับหนึ่ง เป็นคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 27/2559 เรื่อง มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากการจุดและปล่อยบั้งไฟ พลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควัน หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนป้องกันอันตรายและความเสียหายที่จะเกิด แก่ชุมชน ประชาชนจากการจุดและปล่อยบั้งไฟ พลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควัน หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน อาศัยอำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว หัวหน้า คสช. จึงมีคำสั่งห้ามไม่ให้ผู้ใดจุดและปล่อย วัตถุที่กล่าวมาข้างต้น ขึ้นสู่อากาศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากผู้อํานวยการเขต สําหรับกรุงเทพมหานคร หรือนายอําเภอแห่งท้องที่ สําหรับจังหวัดต่าง ๆ รวมถึงให้จังหวัดจัดทําประกาศจังหวัดโดยความเห็นชอบร่วมกันของคณะกรมการจังหวัด และสภาวัฒนธรรมจังหวัด เพื่อกําหนดมาตรการป้องกันและการรักษาความปลอดภัยการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน ในการจุดและปล่อยหรือกระทําการอย่างใดเพื่อให้บั้งไฟ พลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควัน หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน ขึ้นไปสู่อากาศ ส่วนกรุงเทพมหานครให้ออกข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครเพื่อกําหนดมาตรการต่าง ๆ เช่นกัน หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศจังหวัดตามหรือข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร มีโทษจําคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ โดยให้คำสั่งมีบังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป