ประธาน สปท.ลงนาม MOU ร่วมมือ 52 องค์กรเครือข่ายขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ มี 5 ภารกิจหลัก เผยแพร่สร้างความเข้าใจ พัฒนาสถาบัน-ผู้นำ ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ขยายองค์กรเครือข่าย ครอบคลุมทั่วประเทศ สมาชิกบ่น “อลงกรณ์” ทำไปโดยลำพัง แถมไม่มีอะไรคืบหน้าตามข้อตกลง เป็นเพียงการสร้างภาพว่ามีผลงาน ได้รับคำชมคนเดียว
วันนี้ (7 มิ.ย.) ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ครั้งที่ 2 ระหว่าง สปท.กับ 52 องค์กรเครือข่าย เช่น สมาคมวิชาชีพสาธารณสุข สภาเกษตรกรแห่งชาติ สหภาพครูแห่งชาติ สมาคมตำรวจ สมาพันธ์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งประเทศไทย เป็นต้น
โดยนายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธาน สปท.คนที่ 1 ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารเครือข่ายร่วมขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ กล่าวรายงานตอนหนึ่งว่า สำหรับบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศกับองค์กรเครือข่าย เพื่อแสดงว่าทั้งสองฝ่ายมีข้อตกลงในการให้ความร่วมมือกัน พร้อมทั้งผลักดันการขับเคลื่อนงานปฏิรูปให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเจตนารมณ์ และความตั้งใจในการปฏิรูปทั้ง 11 ด้าน จึงได้ลงนามไว้เป็นหลักฐาน โดยองค์กรเครือข่ายจะร่วมมือกับ สปท.ใน 5 ภารกิจหลัก คือ 1. ร่วมเผยแพร่สื่อสารสร้างความเข้าใจการปฏิรูปประเทศ สู่สมาชิกองค์กรและสาธารณสุข 2. ร่วมจัดตั้งและดำเนินการพัฒนาสถาบันการปฏิรูป 3. ร่วมดำเนินการพัฒนาผู้นำการปฏิรูป 4. ร่วมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ปฏิรูปทั่วไทย และ 5. ร่วมขยายองค์กรเครือข่ายร่วมปฏิรูปประเทศ เพื่อให้การปฏิรูปประเทศมีความต่อเนื่องทั้งในระยะสั้น และระยะยาว โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และจะขยายผลต่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
แหล่งข่าวจาก สปท.ให้ความเห็นว่า การลงนามความร่วมมือของ สปท.กับองค์กรต่างๆ เป็นเรื่องที่สมาชิก สปท.แอบวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นกลุ่มๆ โดยกล่าวว่าเป็นเรื่องของนายอลงกรณ์ที่ทำไปตามลำพัง ในคณะกรรมการบริหารเครือข่ายฯ ที่ ร.อ.ทินพันธ์ นาคะตะ ประธาน สปท.ลงนามแต่งตั้งโดยให้นายอลงกรณ์เป็นประธานนั้นก็แทบไม่มี สปท.มาร่วมเป็นกรรมการ ส่วนใหญ่เป็นคนภายนอกที่รู้จักและใกล้ชิดนายอลงกรณ์ นอกจากนี้ ในการแต่งตั้งผู้ที่ได้รับแต่งตั้งบางคนก็ไม่ได้รับการทาบทามก่อน มารู้ตัวเมื่อมีชื่อในคำสั่งแต่งตั้งแล้ว อยากจะลาออกแต่ก็เกรงใจนายอลงกรณ์
ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่า การทำข้อตกลงระหว่าง สปท.กับองค์กรต่างๆ ถ้าหากปฏิบัติได้จริงก็จะเป็นประโยชน์ แต่ตลอด 3 เดือน นับแต่มีการตั้งคณะกรรมการบริหารเครือข่ายฯ เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ ยังไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ ที่จะทำให้ประชาชนเข้าร่วมการปฏิรูป โดยเฉพาะการสร้างผู้นำการปฏิรูปขึ้นทุกภาคทั่วประเทศที่นายอลงกรณ์เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าเป็นภารกิจหนึ่งที่สำคัญก็ทำไม่ได้ การทำข้อตกลง หรือเอ็มโอยู จึงเป็นเพียงการสร้างภาพแบบผักขีโรยหน้าโดยพูดเองเออเองว่า สปท.ประสบความสำเร็จในการขับเคลื่อนการปฏิรูป สามารถระดมองค์กรต่างๆ มากมายมาช่วยขับเคลื่อนๆ และนายอลงกรณ์ก็จะได้รับคำชื่นชมไปเพียงคนเดียว
“การทำเอ็มโอยูกับองค์กรต่างๆ ต้องทำทั้ง สปท. ให้ถือเป็นนโยบายและภารกิจสำคัญ โดยประธาน สปท.ทินพันธุ์ต้องกระโดดลงมาเล่นด้วย ไม่ใช่นายอลงกรณ์ทำคนเดียว อีกอย่างหนึ่ง สปท.ถูกวิจารณ์ว่าไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน การทำเอ็มโอยูจึงเป็นแค่ภาพลวงตาเท่านั้น” สมาชิก สปท.ผู้หนึ่งกล่าว