ศาลทหารไม่ให้ประกัน “บุรินทร์” ผลัดสาม คดีผิด ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพ์ ระบุอัตราโทษสูง เกรงจะหลบหนี ขณะที่ศาลทหารเลื่อนนัดสอบพยานโจทก์ “สิรภพ” อัยการทหาร ชี้ต้องรอสอบพยานหลายปาก ด้าน “ลุงปรีชา” ศาลพิพากษาจำคุก 3 เดือน ปรับ 4 พันบาท โทษจำคุกรอการลงโทษ 1 ปี
ที่ศาลทหารกรุงเทพ วันนี้ (23 พ.ค.) เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวนายบุรินทร์ อินติน ผู้ต้องหาคดีหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (3) ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้แจ้งข้อกล่าวหาไว้ มาฝากขังผลัดที่ 3 ภายหลังครบกำหนดฝากขังผลัดที่ 2 ในระหว่างวันที่ 12-23 พ.ค.
โดยตุลาการทหารได้พิจารณาคดี เห็นควรให้ฝากขังต่อเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค.- 4 มิ.ย. 2559 ซึ่งทนายความได้ยื่นคำร้องต่อศาลทหารขอประกันตัวนายบุรินทร์เป็นเงินสดจำนวน 300,000 บาท ศาลได้พิจารณาแล้วเห็นว่าคดีมีอัตราโทษสูง หากให้ประกันตัวออกไปออกเกรงว่าอาจจะหลบหนีได้
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวนายสิรภพ กรณ์อรุษ ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเจ้าของนามปากกา “รุ่งศิลา” หรือ “Rungsila” เจ้าของเว็บล็อกและเฟซบุ๊ก ที่เขียนบทความและกวีเกี่ยวกับการเมือง ในความผิด มาตรา 112 และความผิดฐานไม่มารายงานตัวตามกำหนด ฝ่าฝืนประกาศ คสช.ฉบับที่ 41/2557 มายังศาลทหาร เพื่อสืบพยานโจทก์ โดยศาลได้นัดสืบพยานโจทก์อีกครั้ง เนื่องจากอัยการทหารต้องสอบถามพยานอีกจำนวนหลายปากจึงเลื่อนไปในวันที่ 7 มิ.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เจ้าหน้าที่ยังแจ้งข้อกล่าวหาต่อนายปรีชา แก้วบ้านแพ้ว ใน 2 ข้อหา คือ ฐานความผิด ยุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 116 (3) และความผิดฝ่าฝืนประกาศห้ามมิให้ชุมนุมทางการเมืองซึ่งทางศาลทหารได้พิจารณาแล้วเห็นควรให้ดำเนินคดีข้อหาฝ่าฝืนประกาศ คสช.เพียงข้อหาเดียว
นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความเลขาธิการกลุ่มนักกฎหมายอาสาเพื่อมนุษยชน (กนส.) กล่าวว่า คดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ ต่อมาศาลทหารกรุงเทพได้อ่านคำพิพากษาลงโทษว่าจำเลยมีความผิดตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 2/2558 ซึ่งมีอัตราโทษสำหรับความผิดที่ห้ามชุมนุมทางการเมืองต่างจากในประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 7/2557 จึงอาศัยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ให้ใช้กฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลย พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 6 เดือน ปรับ 8,000 บาท ลดโทษกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงลงโทษจำคุก 3 เดือน ปรับ 4,000 บาท เนื่องจากจำเลยไม่เคยกระทำความผิดมาก่อนประกอบกับพฤติการณ์แห่งคดียังไม่ร้ายแรง จึงสมควรให้จำเลยปรับตัวเป็นคนดี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ มีกำหนดเวลา 1 ปี
ที่ศาลทหารกรุงเทพ วันนี้ (23 พ.ค.) เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวนายบุรินทร์ อินติน ผู้ต้องหาคดีหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (3) ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้แจ้งข้อกล่าวหาไว้ มาฝากขังผลัดที่ 3 ภายหลังครบกำหนดฝากขังผลัดที่ 2 ในระหว่างวันที่ 12-23 พ.ค.
โดยตุลาการทหารได้พิจารณาคดี เห็นควรให้ฝากขังต่อเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค.- 4 มิ.ย. 2559 ซึ่งทนายความได้ยื่นคำร้องต่อศาลทหารขอประกันตัวนายบุรินทร์เป็นเงินสดจำนวน 300,000 บาท ศาลได้พิจารณาแล้วเห็นว่าคดีมีอัตราโทษสูง หากให้ประกันตัวออกไปออกเกรงว่าอาจจะหลบหนีได้
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวนายสิรภพ กรณ์อรุษ ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเจ้าของนามปากกา “รุ่งศิลา” หรือ “Rungsila” เจ้าของเว็บล็อกและเฟซบุ๊ก ที่เขียนบทความและกวีเกี่ยวกับการเมือง ในความผิด มาตรา 112 และความผิดฐานไม่มารายงานตัวตามกำหนด ฝ่าฝืนประกาศ คสช.ฉบับที่ 41/2557 มายังศาลทหาร เพื่อสืบพยานโจทก์ โดยศาลได้นัดสืบพยานโจทก์อีกครั้ง เนื่องจากอัยการทหารต้องสอบถามพยานอีกจำนวนหลายปากจึงเลื่อนไปในวันที่ 7 มิ.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เจ้าหน้าที่ยังแจ้งข้อกล่าวหาต่อนายปรีชา แก้วบ้านแพ้ว ใน 2 ข้อหา คือ ฐานความผิด ยุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 116 (3) และความผิดฝ่าฝืนประกาศห้ามมิให้ชุมนุมทางการเมืองซึ่งทางศาลทหารได้พิจารณาแล้วเห็นควรให้ดำเนินคดีข้อหาฝ่าฝืนประกาศ คสช.เพียงข้อหาเดียว
นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความเลขาธิการกลุ่มนักกฎหมายอาสาเพื่อมนุษยชน (กนส.) กล่าวว่า คดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ ต่อมาศาลทหารกรุงเทพได้อ่านคำพิพากษาลงโทษว่าจำเลยมีความผิดตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 2/2558 ซึ่งมีอัตราโทษสำหรับความผิดที่ห้ามชุมนุมทางการเมืองต่างจากในประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 7/2557 จึงอาศัยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ให้ใช้กฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลย พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 6 เดือน ปรับ 8,000 บาท ลดโทษกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงลงโทษจำคุก 3 เดือน ปรับ 4,000 บาท เนื่องจากจำเลยไม่เคยกระทำความผิดมาก่อนประกอบกับพฤติการณ์แห่งคดียังไม่ร้ายแรง จึงสมควรให้จำเลยปรับตัวเป็นคนดี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ มีกำหนดเวลา 1 ปี