โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยนายกรัฐมนตรีฝากเชิญชวนชาวพุทธทำบุญ รักษาศีล ทำจิตใจให้สงบ เนื่องในวันวิสาขบูชา ขอทุกคนทำหน้าที่ของตนเองให้ถึงพร้อม ไม่บิดเบือนพระธรรมคำสั่งสอน รู้จักเคารพกฎหมาย รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ขอทุกฝ่ายถือกรณีอาจารย์ยิงตัวเองเป็นบทเรียนสังคมไทย วางแผนจัดการภาวะวิกฤต เจ้าหน้าที่ต้องเตรียมพร้อม สื่อต้องมีจรรยาบรรณ ครอบครัวต้องให้ความรู้ความเข้าใจแก่เด็ก และทุกคนต้องมีสติเป็นเครื่องกำกับตน
วันนี้ (20 พ.ค.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสวันวิสาขบูชา วันสำคัญทางพระพระพุทธศาสนา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ฝากถึงประชาชน ระหว่างปฏิบัติภารกิจอยู่ที่ประเทศรัสเซียว่า ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนทุกคนทำบุญ รักษาศีล เข้าวัดฟังธรรม ทำจิตใจให้สงบ และทำหน้าที่ของตนเองให้ถึงพร้อม คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม ไม่บิดเบือนพระธรรมคำสั่งสอน ส่วนนายกรัฐมนตรีเองก็กำลังทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติอยู่ในต่างประเทศเช่นเดียวกัน
“นายกฯ ยังได้ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ช่วยกันรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง เพราะทุกฝ่ายรู้ดีว่าเรากำลังเดินหน้าไปสู่การทำประชามติตามโรดแมปที่วางไว้ และทุกคนมีหน้าที่ในการกำหนดอนาคตของประเทศ โดยในช่วงนี้สถานการณ์โดยรวมค่อนข้างเรียบร้อย จึงอยากให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญข้อนี้ ไม่ใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย หากทุกคนให้ความร่วมมือ โดยยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติในระยะยาวมากกว่าประโยชน์ของตนเอง ทุกสิ่งก็จะราบรื่น” พล.ต.สรรเสริญกล่าว
พล.ต.สรรเสริญเปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้แสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์การยิงตัวเองของ ดร.วันชัย ดนัยตโมนุท ซึ่งสื่อมวลชนมีการนำเสนอข่าวอย่างเกาะติด และหลายสื่อออกอากาศสดต่อเนื่องเป็นเวลานานว่า เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นเรื่องเศร้าสลดและไม่ควรเกิดขึ้นไม่ว่ากับบุคคลใด และขอให้ถือเอาเหตุการณ์นี้ เป็นบทเรียนครั้งสำคัญสำหรับทุกฝ่ายในสังคมไทย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าไประงับเหตุ ต้องมีการวางแผนรับสถานการณ์ในภาวะวิกฤตที่ดีในกรณีเกิดเหตุไม่คาดฝัน เพื่อช่วยลดโอกาสความสูญเสีย อาทิ การมีนักจิตวิทยาเข้าร่วมในการเจรจา หรือ การมีแผนสำรองกรณีการเจรจาไม่เป็นผล
“ทั้งนี้ หลายฝ่ายคงมีความเห็นตรงกันว่าการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในครั้งนี้ควรต้องมีการปรับและเปลี่ยนแปลงเป็นกรณีศึกษาที่จะต้องหาความสมดุลและความเหมาะสม ระหว่าง การทำหน้าที่ของสื่อ กับการนำเสนอเนื้อหาที่เข้าข่ายรุนแรง สร้างผลกระทบต่อจิตใจของผู้คนสังคม และที่สำคัญคือ ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่า การกระทำดังกล่าวได้สร้างแรงกดดันให้แก่ผู้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ด้วยหรือไม่ รวมทั้งให้ความเคารพต่อความเป็นมนุษย์ของผู้ร่วมในเหตุการณ์เพียงพอหรือไม่ และควรถือเป็นโอกาส ให้หน่วยงานที่ทำหน้าที่กำกับดูแล การทำหน้าที่ของสื่อ และ องค์กรวิชาชีพ ได้ทบทวนและวางแผน เพื่อสร้างระบบการควบคุมหรือเซนเซอร์ ที่มีประสิทธิภาพอย่างทันท่วงที เมื่อเกิดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และเข้าข่ายก้าวล่วงละเมิดเส้นความพอดี และอาจผิดข้อกฎหมาย” พล.ต.สรรเสริญกล่าว
พล.ต.สรรเสริญกล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีแนะนำว่าจากเหตุการณ์นี้ต้องขอความร่วมมือจากสถาบันครอบครัว และสถาบันการศึกษาให้ก้าวเข้ามามีบทบาทในการช่วยอธิบายสร้างความเข้าใจให้เด็กเยาวชนที่อาจชมการเผยแพร่ข่าวจากสื่อ หรือผ่านช่องทางอื่นในโซเชียลมีเดีย ให้รู้ว่าเป็นสิ่งที่อันตรายและไม่ควรเลียนแบบ ขณะที่สำหรับคนไทยทุกคนล้วนได้บทเรียนที่ควรมีสติเป็นเครื่องกำกับการกระทำของตน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะผู้กระทำต่อผู้อื่น ที่ควรมีความเมตตาปรานี เห็นอกเห็นใจ ให้เกียรติ หรืออยู่ในฐานะผู้ถูกกระทำ ที่ควรมีสติ รู้วิธีจัดการอารมณ์ ผ่องถ่ายความไม่พอใจ ความคับแค้นใจไปในทางที่สร้างสรรค์และไม่ทำร้ายตนเอง