โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจำนองอสังหาริมทรัพย์ คาดมีประชาชนเข้ารับบริการเกือบ 4 แสนราย เชื่อเกิดประโยชน์วงกว้าง กระตุ้นเศรษฐกิจ เตรียมผลักดัน “บ้านประชารัฐ” แก่ผู้มีรายได้น้อย
วันนี้ (30 เม.ย.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการดำเนินการตามมาตรการการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจำนอง เหลือร้อยละ 0.01 ว่า ข้อมูลตั้งแต่ วันที่ 29 ต.ค. 2558 ซึ่งเป็นวันเริ่มมาตรการ จนถึงวันที่ 31 มี.ค. 2559 พบว่า มีผู้มารับบริการจากมาตรการจำนวน 321,488 ราย จำแนกเป็น การโอน 201,884 ราย และ การจำนอง 119,604 ราย โดยราคาประเมินสินทรัพย์ที่มีโอนและจำนอง รวม 569,762 ล้านบาท
มาตรการดังกล่าวได้สิ้นสุดลงเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา คือ วันที่ 28 เม.ย. ซึ่งคาดการณ์ว่ายอดผู้มาใช้บริการตลอดการดำเนินมาตรการ 6 เดือนน่าจะใกล้เคียง 400,000 ราย เพราะยิ่งใกล้ช่วงสิ้นสุดมาตรการ จำนวนการทำธุรกรรมก็ยิ่งเพิ่มขึ้น โดยดูจากจำนวนการโอนการจดจำนองในเดือน มี.ค.ที่มียอดผู้ใช้บริการ 78,486 ราย เพิ่มจากเดือน ก.พ. ที่มีผู้ใช้บริการ 53,668 ราย หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 46.24
พล.ต.สรรเสริญกล่าวต่อว่า แม้ผลจากการดำเนินมาตรการจะทำให้ รัฐจัดเก็บภาษีได้น้อยลง โดยตั้งแต่เริ่มมาตรการจนถึงเดือน มี.ค.จัดเก็บได้ 56.9 ล้านบาท ซึ่งหากจัดเก็บในอัตราปกติจะได้ประมาณ 8,887 ล้านบาท แต่รัฐบาลเชื่อว่ามาตรการนี้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนในวงกว้าง เพราะช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้แก่พี่น้องประชาชนที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ผลักดันการเติบโตของธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น และที่สำคัญช่วยประหยัดเม็ดเงินในกระเป๋าของประชาชนส่งผลให้มีกำลังซื้อและความสามารถในการใช้จ่ายมากขึ้น เกิดการผลักดันเศรษฐกิจของประเทศได้อีกทางหนึ่ง
“ถึงแม้ว่ามาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองจะสิ้นสุดลง แต่มาตรการหรือนโยบายเพื่อสนับสนุนให้ประชาชนได้มีบ้านและที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการบ้านประชารัฐ เพื่อให้ผู้มีรายได้ไม่สูงมาก ได้เป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยในทำเลที่สะดวกปลอดภัยและในราคาที่เหมาะสม จึงอยากให้พี่น้องประชาชนติดตามข่าวสารข้อมูลมาตรการที่เป็นประโยชน์เหล่านี้อย่างใกล้ชิด” พล.ต.สรรเสริญกล่าว
