xs
xsm
sm
md
lg

คนนครชัยศรี ยื่น นายกฯ - ผู้ตรวจฯ สอบมอเตอร์เวย์บางใหญ่-กาญจนบุรี ไม่โปร่งใส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ชาวนครชัยศรียื่นหนังสือต่อ “ประยุทธ์” ตรวจสอบโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์บางใหญ่-กาญจนบุรี เหตุทำอีไอเอ และจ่ายค่าเวนคืนที่ดินไม่โปร่งใส

ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงาน ก.พ. วันนี้ (25 เม.ย.) นายวิชัย ริ้วไสว อดีตกำนัน ต.ดอนแฝก พร้อมตัวแทนชาวบ้าน ต.ดอนแฝก และ ต.ลานตากฟ้า อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขอให้ตรวจสอบโครงการก่อสร้างถนนมอเตอร์เวย์สายบางใหญ่-กาญจนบุรี เพราะการสำรวจพื้นที่และจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมไม่ตรงต่อข้อเท็จจริง เนื่องจากบริษัทเอกชนที่ทำการสำรวจไม่แจ้งให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบเข้าร่วมประชุมรับฟังข้อมูลแสดงความคิดเห็น และไม่มีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ราคาประเมินที่ดินของผู้ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่อยู่ไร่ละ 240,000 บาท ขณะพื้นที่ใกล้เคียงที่นายทุนกว้านซื้อราคาไร่ละเกือบ 4,000,000 บาท หากมีการเวนคืนจริงชาวบ้านจะไม่สามารถซื้อที่ดินเพื่อนำมาอยู่อาศัยและทำการเกษตรได้เช่นเดิม จึงขอให้นายกรัฐมนตรีได้ตรวจสอบและหามาตรการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนต่อไป โดยนางสุปราณี จันทรัตนวงศ์ ผู้ช่วย รมต.ประจำสำนักนายกฯ เป็นตัวแทนรับหนังสือ

ต่อมาชาวบ้านได้เดินทางไปที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายธาวิน อินทร์จำนงค์ รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ไม่โปร่งใส ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และก่อให้เกิดความเสียหายกรณีกรมทางหลวง ไม่ดำเนินการก่อสร้างถนนมอเตอร์เวย์ สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ตามมาตรา 56 ของรัฐธรรมนูญ 50 ที่กำหนดว่า ประชาชนมีสิทธิรับรู้ข้อมูลข่าวสารในการดำเนินการโครงการขนาดใหญ่ของรัฐที่จะสร้างผลกระทบกับประชาชนในพื้นที่ แต่กรมทางหลวงไม่ดำเนินการก่อให้เกิดความเสียหาย โดย ถูกเวนคืนที่ดินทั้งหมด 28 ไร่ ตามราคาประเมิน ตารางวาละ 600 บาท ทั้งๆที่อยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยมหิดลศาลายาเพียง 10 กิโลเมตร ห่างจากกรุงเทพมหานคร 30 กิโลเมตร ซึ่งที่ดินของผู้เสียหายมีราคาประเมิน 6,768,000 บาท แต่ราคาที่ดินซึ่งห่างจากที่ดินของผู้เสียหายเพียง 4 กิโลเมตร มีบริษัทเอกชนเข้าไปกว้านซื้อ จัดทำโครงการขายในราคาตารางวาละ 7,950-11,550 บาท ทำให้ผู้เสียหายไม่สามารถจัดซื้อที่ดินใหม่ในจำนวนที่ดินเท่าเดิมได้ ทำให้ได้รับผลกระทบรวม 4 ครอบครัว ซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว

นายวิชัย กล่าวว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นพื้นที่ชุมชนซึ่งคนในชุมชนอาศัยอยู่ทั้ง 2 ฝั่งแม่น้ำ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนาเป็นอาชีพหลัก ซึ่งการดำเนินโครงการชาวบ้านไม่ได้ทราบข้อมูลใดๆทั้งสิ้น ไม่ได้มีการแจ้งให้ชาวบ้านได้รับทราบเพื่อแสดงความคิดเห็น หรือรับฟังความคเห็นแย้งของชาวบ้านที่เห็นว่ารูปแบบโครงการดังกล่าวไม่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ที่เป็นที่ลุ่มเหมาะสำหรับทำการเกษตร รวมถึงการสรุปข้อมูลจากการประชุมไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ทำให้ขาดการมีส่วนร่วม โดยในการประชุมครั้งล่าสุดวันที่ 25 มี.ค. 59 ก็ไม่มีการแจ้งให้ผู้เสียหายเข้าร่วมประชุมแต่อย่างใด ทำให้ผู้เสียหายไม่มีโอกาสได้รับข้อมูลข่าวสาร


กำลังโหลดความคิดเห็น