“สรรเสริญ” แจงยังมีน้ำสำรองมากกว่าคาด แต่ยังขอความร่วมมือประหยัดน้ำ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย ปฏิบัติการฝนหลวง มีฝนตกมากถึงร้อยละ 76.9 มีน้ำไหลเข้าอ่างสะสม 51.55 ล้าน ลบ.ม. ฝากขอบคุณเจ้าหน้าที่ พร้อมระบุมีปริมาณน้ำสำรองมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ยังต้องขอความร่วมมือประหยัด ใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า

วันนี้ (16 เม.ย.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็ว ซึ่งออกปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ. เป็นต้นมาจนถึงช่วงก่อนสงกรานต์ ได้ออกปฏิบัติการบินไปแล้วทั้งสิ้น 537 เที่ยวบิน คิดเป็นชั่วโมงบินประมาณ 760 ชั่วโมง โดยมีฝนตกจากการออกปฏิบัติการฝนหลวงคิดเป็นร้อยละ 76.9 ของจำนวนเที่ยวบินที่ขึ้นทำการบิน

“การปฏิบัติการฝนหลวง ทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างสะสมประมาณ 51.55 ล้าน ลบ.ม. ทั้งนี้ การปฏิบัติการฝนเทียมในบางพื้นที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศต่ำ ส่งผลให้ไม่มีกลุ่มเมฆก่อตัวในบริเวณพื้นที่เป้าหมาย รวมทั้งสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว ทำให้เมฆไม่พัฒนาตัว หรือเมื่อก่อตัวแล้วก็สลายไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม จากปฏิบัติการฝนเทียมได้ทำให้เกิดฝนตกกระจายตัวรวม 41 จังหวัดทั่วประเทศ นายกฯ ฝากขอบคุณเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการฝนเทียมทุกท่าน ที่ทำงานอย่างหนักต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีก่อนจนปีนี้ ที่เป็นกำลังสำคัญหน่วยหนึ่งในการคลี่คลายสถานการณ์ภัยแล้งในประเทศไทยลง” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวถึงสถานการณ์ปริมาณน้ำใน 4 เขื่อนหลัก ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ว่า เมื่อสิ้นฤดูฝน คือ 1 พ.ย. 2558 มีปริมาณน้ำใช้การได้ 4,247 ล้าน ลบ.ม. มีปริมาณน้ำเข้าเขื่อนทั้งสิ้น 1,042 ล้าน ลบ.ม. ขณะที่จนถึงปัจจุบันมีการระบายน้ำออกเพื่อการเกษตร การอุปโภค บริโภค และการรักษาระบบนิเวศ 2,169 ล้าน ลบ.ม.

“เมื่อหักปริมาณน้ำที่ต้องใช้ในกิจกรรมทุกประเภท ตลอดช่วงเดือนเมษายน เชื่อว่า จะมีปริมาณน้ำสำรองในเขื่อนหลักไว้ในต้นฤดูฝน คือ พ.ค.- ก.ค. จำนวน 1,814 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 1,347 ล้าน ลบ.ม. อย่างไรก็ตาม แม้จะมีปริมาณน้ำสำรองมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ไม่ได้หมายความว่า จะมีน้ำใช้อย่างเหลือเฟือหรือเพียงพอ และยังมีความจำเป็นที่จะต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนในการประหยัดและใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า และขอขอบคุณพี่น้องเกษตรกรจำนวนมากที่ตอบรับนโยบายของรัฐบาลในการปรับเปลี่ยนวิถีการปลูกพืช จากพืชใช้น้ำมากไปสู่การปลูกพืชน้ำน้อย และการเลี้ยงปศุสัตว์ รวมทั้งให้ความร่วมมือในการไม่ลักลอบนำน้ำไปใช้ในการปลูกข้าวนาปรัง ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการควบคุมการส่งน้ำไปถึงพื้นที่เป้าหมายเพื่อผลิตน้ำประปาสำหรับพี่น้องประชาชนได้มีน้ำกิน น้ำใช้ อย่างพอเพียงในฤดูร้อนนี้” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว