xs
xsm
sm
md
lg

ผ่อนหนักผ่อนเบาประชามติ อย่าติดหล่มใช้ไม้แข็ง-ยาแรง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

สะเก็ดไฟ

อย่ามองข้ามช็อตเผาหัวประชามติ! กรณี สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว แกนนำนักศึกษาประชาธิปไตยใหม่ ไปยั่วประสาทซือแป๋กฎหมาย “มีชัย ฤชุพันธุ์” ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ระหว่างการบรรยายพิเศษ ในงานวันสัญญา ธรรมศักดิ์ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โดยพาพวกนักเรียน นักศึกษาไปชูป้ายประท้วงให้ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับเรือแป๊ะ จนเป็นข่าวติดหน้าสื่อ

เพราะมันจะเป็นการถือฤกษ์เบิกร่องส่งสัญญาณว่า ตลอดการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้มันน่าจะมีภาพอะไรแบบนี้เกิดขึ้นอีกบ่อยๆ แน่เนื่องจากโดยธรรมชาติสำหรับนักศึกษาที่คลั่งตำราประชาธิปไตย ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ

โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าท็อปบูตก็ไม่กล้าเข้าไปแตะต้องอะไรมาก ยิ่งย่อมทำอะไรเสมือนนึกว่านี่เป็นยุคของสายลมแสงแดด อีกทั้งเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ของซือแป๋มีขัย ก็มีอะไรที่ถี่ลอดตาช้าง หางลอดตาเล็น อยู่หลายจุด มีรอยตำหนิไว้ให้ขุดกันได้เรื่อยๆ แม้กระทั่งเรื่องการศึกษา ล่าสุดก็เกิดประเด็นเรียนฟรี 12 ปี โดยเริ่มตั้งแต่เด็กก่อนวัยเรียน จนถึงมีการตีความเลยเถิดว่า จะไปกระทบเด็กมัธยมศึกษาปีที่ 4 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6

เกิดวาทกรรมตามป้าย “ร่างรัฐธรรมนูญอย่าทำร้ายประชาชน” หรือ “อนุบาลเรียนฟรีก็ดี แต่ ม.ปลายฟรีของเราคืนมา” ที่มีการยกใส่หน้าซือแป๋มีชัยระหว่างกำลังบรรยายในงานวันสัญญา ธรรมศักดิ์ มันเป็นสัญญาณบางๆ ว่าจะมีการเลาะตะเข็บรัฐธรรมนูญฉบับนี้ในจุดที่มีความสุ่มเสี่ยงต่อการแปรรหัสผิดมาตีปี๊บโจมตี ซึ่งเป็นการยกระดับการวิพากษ์วิจารณ์ จากที่นักการเมืองถูกคนนินทาหมาดูถูกว่าโหวกเหวกโวยวายแต่เรื่องตัวเองก่อนหน้านี้เท่านั้น

ขยายภาพกันให้เห็นจุดบอด ไม่ใช่เฉพาะเรื่องปมสืบทอดอำนาจของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่มันยังมีการตัดสิทธิ์ประชาชนในหลายจุดจากที่รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 และรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 เคยมีให้ แต่โดนรัฐธรรมนูญฉบับนี้หั่นทิ้ง เป็นการขย่มเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ

การเคลื่อนไหวเรื่องประชามติเที่ยวนี้ บางทีนักการเมืองโดยเฉพาะฝ่ายต้าน จำเป็นต้องหยิบยืมมือนักศึกษาบางกลุ่มมาใช้เป็นตัวละครหลัก เพราะทุกวันนี้ตัวเองถูกจำกัดที่เดินกันหมด จนแทบขยับเขยื้อนอะไรไม่ได้ โดยเฉพาะหลักสูตร อบรม 7 วัน ที่ “บิ๊กหมู” พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการ คสช. คลอดออกมา ซึ่งเหมือนเป็นการเสกขึ้นมาเพื่องานนี้แบบจำเพาะเจาะจง

หลักสูตรอบรมนักการเมืองที่มีการขู่กันว่ามีโปรโมชันพิเศษถึงค่ายทหารใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือว่าเป็นกระบองอันใหม่ที่ใช้ข่มขวัญฝ่ายตรงข้ามได้แบบอยู่หมัด ถึงวันนี้แม้จะมีนักการเมืองบางคนที่ยังจ้อไม่หยุด ราวกับว่าท้าทายไม่กลัวการไปใช้ชีวิตในถิ่นท็อปบูต แต่ก็มีเพียงไม่กี่คน เพราะส่วนใหญ่หวาดผวา ไม่อยากเข้าอบรมหลักสูตรเป็นรุ่นแรก เลือกได้ขอนอนแอ้งแม้งอยู่บ้านดีกว่า

ดูจากปฏิกิริยาของบรรดาพวกฮาร์ดคอร์ในสายเพื่อไทย 2-3 วันที่ผ่านมา หลายรายโดนวิญญาณเตมีย์ใบ้เข้าสิง ไม่ออกมากระโชกโฮกฮากใส่ คสช. มีเพียงการตอดเล็กตอดน้อยพอเป็นกระษัยให้ได้เป็นข่าวรายวัน แม้แต่ตัวผู้สื่อข่าวที่ฝ่ายกุมอำนาจตีวัวกระทบคราด พูดทีเล่นทีจริงว่ามีโควตาให้ ก็เหมือนเป็นการพูดเป็นนัยว่าถ้านำเสนอขัดใจมีสิทธิ์ตีตั๋วเข้าค่ายได้เหมือนกัน เอาเป็นว่ายาแรงเที่ยวนี้ขมปี๋ ไม่มีใครอยากลองชิม

ผิวเผินภายนอกมันก็เหมือนยาสั่งของ คสช.เที่ยวนี้น่าจะได้ผล ให้ช่วงการทำประชามติน่าจะเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ไม่น่าจะมีการเคลื่อนไหวอะไรที่ทำให้ คสช.หนักอกหนักใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะนักการเมืองที่ก่อนหน้านี้เตรียมตัวเดินสายรณรงค์ให้คว่ำ คราวนี้โดนประกบติดหมดทุกฝีก้าว แม้กระทั่งคำให้สัมภาษณ์ที่ล่อแหลม

แต่ปัญหาคือ ยาแรงดังกล่าวมันจะออกฤทธิ์ได้ผลก็กับแค่เฉพาะนักการเมือง แต่กับของแสลงอย่างนักศึกษาไม่ชัวร์ว่าจะได้ผล เพราะทหารเข้าไปแตะต้องอะไรไม่ได้มาก อย่างการเรียกเข้าค่าย น่าจะโดนท้วงติง องค์กรสิทธิมนุษยชนออกตัวล้อฟรีกันหลายที่แน่ ในฐานะที่วันนี้สังคมยังยกให้เป็นพลังบริสุทธิ์ สุ่มสี่สุ่มห้าไปหวดจะเป็นดาบสองคมกลับมาทิ่มแทง คสช.เองที่ปิดกั้นกันเกินเหตุ แม้กระทั่งปัญญาชนอย่างนักศึกษา เอาเป็นว่านาทีนี้ความเห็นอกเห็นใจนักศึกษายังมีอยู่

แล้วต้องจับตาดูการเดินสายของ กรธ.ตามพื้นที่และเวทีต่างๆ ตลอด 4 เดือน ก่อนวันที่ 7 สิงหาคม 2559 จะเจอลูกป่วนเหล่านี้อีกหรือไม่ เพราะบรรยากาศมันคล้ายกับตอน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ลงพื้นที่ใหม่ๆ แล้วเจอไปช็อตกระตั้วแทงเสือ ลองของ หรือตอนที่ “เดอะมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สมัยเป็นนายกรัฐมนตรี โดนแรงต้านในพื้นที่ เจอลูกเซอร์ไพร์สไปหลายเวที

ในต่างจังหวัดน่าจะมีแน่ผู้เห็นต่าง มันยากที่ใครจะเห็นด้วยกับ กรธ.ทั้งหมด อยู่ที่ คสช.จะแก้เกมรับมือกับการเคลื่อนไหวเหล่านี้อย่างไร ถ้าใช้ไม้แข็ง ไล่หวดกันทุกเวที ไม่ส่งผลดีกับการลงประชามติ และทัศนติของประชาชนที่มีต่อร่างรัฐธรรมนูญแน่ เพราะมันจะทำให้เกิดความรู้สึก ปิดหูปิดตากันเสียหมด จนเหมือนการยัดเยียดหรือบังคับให้ต้องลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญเท่านั้น

ต้องระวังจะเป็นการเปิดช่องให้องค์กรต่างประเทศเข้ามากระโดดแจมกับประเด็นนี้ในจังหวะที่ คสช.กำลังมะรุมมะตุ้มกับนักศึกษา ไปๆ มาๆ จะไปเข้าทางยุทธศาสตร์ของ “อ้ายแม้ว” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หวังใช้มือคนอื่นกระทุ้งให้ แล้วตัวเองรอเคลื่อนไหวซ้ำ ตอนได้จังหวะ

จับปฏิกิริยาจากเฟซบุ๊กที่ออกมาสวด คสช.ปมจับขันแดง แล้วท้าให้แจ้งข้อหากับตัวเอง มันก็ชัดแจ้งแดงแจ๋แล้วว่าไม่กลัว พร้อมชนกับ คสช.เหมือนกัน หากอีกฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ ไม่ได้วางมือเก็บตัว หรือแม้กระทั่งการเคลื่อนไหวของน้องสาวในไส้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ให้แฟนเพจ โหวตอยากให้ลงพื้นที่จังหวัดไหน ก็ชัดเหมือนกันว่าเป็นแคมเปญทางการเมืองมากกว่าจะไปเที่ยวตะแล๊ดแต๊ดแต๋ธรรมดาๆ

ช่วงก่อนวางกากบาทลงประชามติ หรือระหว่างทางนี้ชั่งล่อแหลม คสช.ต้องแยกแยะและผ่อนหนักผ่อนเบาให้ดี เพราะอะไรที่ตึงเกินไปไม่ส่งผลดีกับรัฐธรรมนูญ ยาเบา ยาแรง สลับกันให้ถูกจังหวะ ไม่ใช่ไปไล่บี้กันเสียจนเกิดความรู้สึกไม่ดีในใจคน จากที่เขามุ่งเป้าไปที่การเลือกตั้งอย่างเดียว แต่จะต้องมาตั้งแง่กับสิ่งที่ คสช.ทำ อย่างปมนักศึกษาอย่าให้คนมองว่า ผู้ใหญ่รังแกเด็ก!
กำลังโหลดความคิดเห็น