“ประยุทธ์” เผย กสทช.ขออนุมัติรัฐให้เอไอเอส จ่ายค่าคลื่นความถี่แทนแจสโบาย ต้องส่งฝ่าย กม.พิจารณาทำได้หรือไม่ ขออย่ามองเอื้อประโยชน์ใคร ชี้ทำแล้วค่าบริการ ปชช.ถูกลงน่าสน แย้มจำเป็นก็ต้องใช้ ม.44 แจงสอบอยู่เอกสารสื่อ ตปท.เอี่ยวคนไทยฟอกเงิน รับถ้าใช่ก็ดี จัดการแน่
วันนี้ (5 เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ขออนุมัติจากรัฐบาลให้บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส จ่ายค่าคลื่นความถี่แทนบริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด ว่า เรื่องยังไม่ถึงตน คงเป็นการพิจารณาขึ้นมา และต้องส่งให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาด้วยว่าทำได้หรือไม่ เพราะเราต้องพิจารณาในหลายประเด็น 1. ข้อกฎหมาย 2. เรื่องผลประโยชน์ที่ได้รับมา ต้องระวังว่าถ้าทำได้วันนี้จะเกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติเท่ากับที่ต้องทิ้งช่วงไปอีกระยะเวลาหนึ่ง พอถึงเวลานั้นรายได้ที่จะได้รับเข้ามามันจะมากน้อยกว่ากันเท่าไหร่ อย่างไร อย่ามองว่าผลประโยชน์ เอื้อประโยชน์เพื่อใคร ก็ในเมื่อมีคนประมูลอยู่ 3-4 บริษัทเท่านั้นเอง และบริษัทหนึ่งไม่รักษาสัญญาก็จะต้องฟ้องดำเนินคดีตามกฎหมาย มีความรับผิดชอบ ส่วนคลื่นที่เหลืออยู่ที่ไม่มีคนรับจะต้องมีวิธีการอย่างไร ประมูลใหม่จะคุ้มหรือไม่ ได้ราคาหรือเปล่า และถ้ากฎหมายให้เจรจาได้ โดยที่เราไม่เสียประโยชน์มันก็จะต้องหาทางออกแบบนี้ คงไม่ใช่จะเข้าใครออกใครอยู่แล้ว แต่ผลประโยชน์มันตกกับประชาชนหรือเปล่า ถ้าทำมาแล้วทำให้การสื่อสารดีขึ้น ราคายอมรับได้ และราคาของการใช้จ่ายด้านนี้มันไม่สูงขึ้น ค่าบริการของประชาชนถูกลง มันก็น่าจะมีเหตุผลในการพิจารณา ขอให้ไว้ใจ
เมื่อถามว่า เพื่อให้ประเทศได้ประโยชน์ เป็นไปได้หรือไม่จะใช้มาตรา 44 ให้เอไอเอสได้การประมูลแทนแจสโมบาย นายกฯ กล่าวว่า ประเด็นไหนเห็นสมควรจะให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาก่อน มีหลายคนพิจารณาให้อยู่ ทั้งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย และกฤษฎีกา บางอย่างก็ต้องถามทาง สนช.ด้วย เพราะเป็นผู้ดูกฎหมาย ถ้าจำเป็นและไม่ใช่เรื่องที่ทำให้เสียหาย ตนก็จะทำเพื่อประเทศ มีไว้อย่างนั้น ไม่ใช่มีไว้ปราบปรามคนอย่างเดียว ถ้าดื้อดึง ขัดขืน หลีกเลี่ยง พวกนี้ก็จะต้องใช้กฎหมายเหมือนกัน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีการเสนอข่าวเอกสารจากต่างประเทศที่อ้างว่ามีข้อมูลบุคคลสำคัญทั่วโลกเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและเลี่ยงภาษี ซึ่งรวมถึงคนไทย 21 คนด้วยว่า ให้สอบสวนอยู่ เพราะเป็นหลักฐานที่ไม่เป็นทางการมาจากสื่อ เราก็รับทุกเรื่องอยู่แล้ว ถ้ามันใช่ก็ดีจะได้มีคนชี้เป้าหมายให้เรา และเราก็จะดำเนินการต่อเนื่อง ต้องสรุปข้อเท็จจริงก่อน จำไว้ว่าการทำงานของรัฐบาล ทำได้สองอย่าง เปิดเผยเข้ากระบวนการได้เลย ในกรณีที่เป็นหนังสือราชการ หรือหนังสือที่มาถึงรัฐบาลต่อรัฐบาล หรืองานต่อหน่วยงาน แต่เรื่องนี้เผยแพร่จากหนังสือพิมพ์จากสื่อก็ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน เพราะหลายประเทศเกี่ยวข้องด้วย ต้องดูแนวทางจากต่างประเทศด้วยว่าเขาทำอย่างไร คณะทำงานของเรามีอยู่แล้ว ทางฝ่ายยุติธรรมมีการประสานงานกัน การทำงานยุติธรรมมีการเชื่อมโยงกันหมดแล้วสมัยรัฐบาลนี้ เป็นเรื่องดี หากผิดจริงจะได้จับติดคุกเยอะๆ