ตัวแทนประธานศาลฎีกายื่นหนังสือ สนช. ชี้ พ.ร.บ.มาตรการแทนการฟ้องคดีอาญาขัดต่อหลักการสำคัญ รธน.-สิทธิมนุษยชน ที่ให้อัยการสั่งฟ้องคดีอาญาไม่เกิน 5 ปีโดยไม่ผ่านศาล ทำ ปชช.ขาดความเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม “พรเพชร” รับไม่อยากเห็นขัดแย้งในองค์กรพร้อมฟัง รับถูกส่งมาดักคอก่อนพิจารณา แย้ม กม.ผ่านคดีเบนซ์ตีนผีอาจไม่ต้องถึงศาล
วันนี้ (22 มี.ค.) ที่รัฐสภา นายชาญณรงค์ ปราณีจิตต์ ผู้พิพากษาหัวคณะในศาลอุทธรณ์ประจำสำนักงานประธานศาลฎีกา ตัวแทนของนายวีระพล ตั้งสุวรรณ ประธานศาลฎีกา เข้ายื่นหนังสือต่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อเสนอความคิดเห็นของเสนอแนะเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) มาตรการแทนการฟ้องคดีอาญา พ.ศ. ... โดยนายชาญณรงค์กล่าวว่า ขณะนี้ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว และอยู่ระหว่างการเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนที่จะส่งให้ สนช.พิจารณา โดยศาลยุติธรรมเห็นว่าร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวขัดต่อหลักการสำคัญของรัฐธรรมนูญ และหลักสิทธิมนุษยชน เพราะเป็นการให้อำนาจอัยการสั่งคุมประพฤติ และสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องผู้ต้องหาในคดีอาญาที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีได้โดยที่ไม่ผ่านการพิจารณาของศาลเลย และปราศจากกระบวนการพิสูจน์ความผิดของบุคคล
นายชาญณรงค์กล่าวว่า หาก พ.ร.บ.ดังกล่าวประกาศใช้จะเป็นการตัดสิทธิของผู้เสียหาย เนื่องจากมีบทบัญญัติที่ตัดสิทธิของผู้เสียหายที่ประสงค์จะใช้สิทธิทางศาล และมีบทบัญญัติห้ามไม่ให้ศาลดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีต่อไป แม้กระทั่งในกรณีที่ผู้เสียหายประสงค์จะใช้สิทธิทางศาล และนำคดีมาฟ้องต่อศาลแล้วก็ตาม ขณะที่ในส่วนระยะเวลาและอายุความในการดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีอาญาอาจขยายไปได้ จนแทบไม่มีข้อจำกัดหากมีคำสั่งให้ใช้มาตรการแทนการฟ้องอันจะทำให้พยานหลักฐานที่สำคัญสูญหายไปจนไม่สามารถพิสูจน์ความผิดของผู้ต้องหาได้ และจะทำให้ประชาชนขาดความเชื่อถือในกระบวนการยุติธรรมของไทยในระยะยาว
“ร่างกฎหมายฉบับนี้ถูกเสนอมาตั้งแต่ปี 2532 ที่เสนอโดยสำนักงานอัยการสูงสุด แต่ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวก็ยังไม่ถูกนำสู่เข้าการพิจารณาของสภาฯ และสำนักงานศาลยุติธรรมได้เคยทำหน้าที่แสดงข้อกังวลหลายครั้งแต่ก็ปรากฏว่ายังไม่มีการแก้ไขข้อห่วงใยดังกล่าวเลย แต่หากร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านความเห็นของสนช. ทางศาลก็มีความเป็นห่วงว่าจะส่งผลกระทบต่อสังคมและกระบวนการทางอาญา จึงขอให้สนช.ช่วยพิจารณาด้วย” นายชาญณรงค์กล่าว
ด้านนายพรเพชรกล่าวว่า ตนไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งระหว่างองค์กรขึ้น อยากให้ทุกฝ่ายรับฟังความเห็น ในเมื่อคนระดับประธานศาลฎีกาส่งสัญญาณมาถึงตนก็ต้องรับฟัง ทางตัวแทนของศาลฎีกาก็ได้ไปยื่นเรื่องนี้ให้รัฐบาลแล้ว เพราะ ร่างกฎหมายอยู่ระหว่างการพิจารณา ครม.อยู่ การมายื่นที่ สนช.ก็เพื่อเป็นการดักคอไว้ก่อนที่จะถูกส่งมาให้ สนช.พิจารณา เพราะร่างนี้ผ่านเป็นกฎหมาย คดีรถเบนซ์ก็อาจจะไม่ต้องถึงศาลก็ได้