“ประวิตร” แจงข้อเสนอปรับแก้ร่าง รธน. ทำในบทเฉพาะกาล เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านช่วง 5 ปีราบรื่น ไม่แตะร่าง รธน.ถาวร ส่วนที่ให้ ผบ.เหล่าทัพเป็น ส.ว.สรรหา ไม่ใช่การรัฐประหารซ่อนรูป แต่เพื่อไม่ให้เกิดรัฐประหาร ส่วนนายกฯ อยู่ที่ ส.ส.เลือก ตามกติกา รธน. เผยส่งผู้ช่วย ผบ.ทบ.สอบความจริงโจรใต้ใช้โรงพยาบาลถล่มฐานปฏิบัติการเจ้าหน้าที่ บอกไม่เกี่ยวกองกำลังที่ 3 ของ “บิ๊กจิ๋ว” เหน็บตอนเป็นนายกฯ ทำอะไรบ้าง
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงข้อเสนอแนวทางการปรับปรุงบทเฉพาะกาลในร่างรัฐธรรมนูญของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ส่งไปให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) โดยตนยืนยันว่าข้อเสนอของ คสช.ไม่ได้ไปกดดัน กรธ. เพราะเราต้องการทำในช่วงการเปลี่ยนผ่าน 5 ปี ระยะต้นของการปฏิรูปจะเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งตามที่เราได้เขียนไปในข้อเสนอนั้นต้องการให้เกิดความชัดเจน ทั้งนี้ในช่วงของรัฐธรรมนูญถาวรเราไม่ได้ไปแตะต้องใดๆ เลย ดังนั้นขอย้ำว่าต้องการให้มีการปรับปรุงในบทเฉพาะกาลเท่านั้น
สำหรับข้อเสนอที่ให้ปลัดกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการเหล่าทัพเป็น ส.ว.สรรหา ตนคิดว่าเราไม่อยากให้มีรัฐประหารขึ้นอีก เพราะผู้บัญชาการเหล่าทัพจะได้ช่วยแก้ไขปัญหาได้ ขอย้ำว่าเป็นสิ่งที่ดีไม่ได้เสียหาย ประกอบกับ ส.ส.ที่เลือกตั้งก็มีสิทธิ์ที่จะได้พูดจากับผู้บัญชาการเหล่าทัพเพื่อบริหารงานของพรรคการเมืองต่างๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพเป็น ส.ว.สรรหาจะเป็นเสมือนการรัฐประหารซ่อนรูปหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เป็นอย่างไรรัฐประหารซ่อนรูป เขายังไม่ได้ทำอะไรเลย พูดเหมือนหนังสือพิมพ์บางฉบับที่พูดแบบนี้ ถามว่ามันใช่หรือ ตนขอยืนยันว่าไม่มี เพราะผู้บัญชาการเหล่าทัพถ้าอยู่ในรัฐสภาก็จะอยู่กับ ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้ง และสามารถพูดคุยกันได้อยู่แล้ว พร้อมทั้งให้ข้อมูลต่างๆ ตนคิดว่าเป็นเรื่องดี อยากถามว่าดีหรือไม่
ส่วนข้อเสนอ คสช.ที่ไม่ต้องให้พรรคการเมืองประกาศรายชื่อคนจะเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เขาจะไปเลือกใครก็เป็นเรื่องของพรรคการเมือง ตอนนี้ยังเสรี ก็แล้วแต่เขาไม่ต้องไปกำหนด หากมีรัฐธรรมนูญถาวรถ้าให้ประกาศรายชื่อก่อนก็ประกาศไป อยากให้เห็นใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่เสี่ยงชีวิตเพื่อประเทศชาติให้เกิดความสงบ และเมื่อทำมาแล้วทุกอย่างต้องเดินหน้าต่อไปในอนาคต เพราะฉะนั้นเราจึงวางยุทธศาสตร์ 20 ปีว่าในอนาคตเราจะเดินหน้ากันอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าข้อเสนอนี้จะเป็นการเปิดทางให้มีนายกฯ คนนอกหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า รัฐธรรมนูญเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ถ้าไม่ให้มีคนนอกก็ต้องไม่มีคนนอก แต่เราขอให้ไม่ให้เสนอชื่อใครก่อนเท่านั้นเอง เมื่อถามต่ออีกว่าหากยังมีการไม่เปิดเผยรายชื่อก่อน แล้วในอนาคตอาจจะมีชื่อของท่าน และพล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ไม่มีหรอก อย่าไปพูด ขอให้เลิก พูดมาหลายทีแล้วว่าไม่มี”
ต่อข้อถามว่า หาก กรธ.ยังยืนยันหลักการเดิมจะดำเนินการอย่างไร รมว.กลาโหมกล่าวว่า “ผมไม่ได้ว่าอะไร แล้วแต่ท่าน แต่อยากให้ท่านตอบมาว่าที่ทำไม่ได้นั้นมันติดขัดอะไร เพราะในเมื่อแม่น้ำ 4 สายคิดกันอย่างนี้ตามเหตุและผล อีกทั้งท่านนายกฯ ท่านเป็นหัวหน้า คสช. และเป็นรัฐฏาธิปัตย์จะสั่งอย่างไรก็ได้ แต่ท่านยังอะลุ้มอล่วย อยากให้เกิดเป็นประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นในช่วงเปลี่ยนผ่านผมก็ขอให้เป็นไปตามที่ท่านนายกฯ คิด และต้องเห็นใจท่าน เพราะท่านทำเพื่อประชาชนคนไทย และประเทศชาติ”
พล.อ.ประวิตรยังกล่าวถึงเหตุคนร้ายใช้โรงพยาบาลเจาะไอร้องเป็นพื้นที่ยิงอาวุธสงครามใส่ฐานปฏิบัติการเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า ได้สั่งการให้ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ลงไปสอบสวนว่าเหตุการณ์เป็นมาอย่างไร เพื่อให้เกิดความชัดเจนและตนจะชี้แจงรายละเอียดอีกครั้ง ส่วนจะเป็นการบ่งชี้ว่าตัวแทนของกลุ่มบีอาร์เอ็นที่มาพูดคุยสันติสุขไม่ใช่ตัวจริงเพราะคุมกองกำลังไม่ได้นั้นก็น่าจะใช่ แต่คงต้องรอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน
ส่วนจะเกี่ยวข้องกับกองกำลังที่ 3 ตามที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีระบุหรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ต้องไปถามท่าน แต่จากที่ฟังท่านพูดเป็นเรื่องปัญหาคนยากจน ซึ่งตอนที่ท่านเป็นรัฐบาลท่านก็ทำไป “ตอนนี้ท่านไม่ได้เป็น แต่ผมและนายกรัฐมนตรีกำลังทำงานอยู่ ก็ขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำ แต่ตอนที่ท่านเป็นท่านก็ทำสิครับ ก็ไปดูว่าตอนที่ท่านทำเป็นอย่างไร ก็ไปดูอดีตเอาก็แล้วกัน ผมไม่อยากพูด ไม่อยากไปติติง ขอแค่ว่าอย่าทำอะไรที่ส่งผลให้รัฐบาลบริหารงานไม่สะดวก”
เมื่อถามว่า เหตุที่เกิดขึ้นเป็นสถานการณ์ในพื้นที่หรือเกี่ยวข้องกับการเมือง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตนไม่อยากพูด เพราะพูดแล้วทำให้เกิดความขัดแย้ง ขอให้ทำก่อน
พล.อ.ประวิตรเชื่อมั่นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะไม่กระทบต่อการพูดคุยสันติสุข และเมื่อวานนี้ได้หารือกับ พล.อ.อักษรา เกิดผล หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุข และบอกให้เดินหน้าต่อไป และเหตุที่เกิดขึ้นไม่ใช่การต่อรองของขบวนการผู้ก่อความไม่สงบในการพูดคุยสันติสุข เพราะการพูดคุยจะไม่มีการต่อรอง เป็นการพูดคุยเพื่อความเข้าใจ ในส่วนของเราต้องดูแลประเทศของเราให้เกิดความสงบ
