โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย บีโอไอออก 3 มาตรการ ส่งเสริมการลงทุนท้องถิ่น ทั้งเกิดโรงงานแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร กิจการศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชน ระบุที่ผ่านมาโอทอปไม่ค่อยแตกต่าง ต้องการให้ยั่งยืน หวังให้ไทยยืนด้วยลำแข้งตัวเอง
วันนี้ (10 มี.ค.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลมีเป้าหมายสร้างความเข้มแข็งของประเทศจากภายใน ด้วยการส่งเสริมให้ประชาชนระดับฐานรากอยู่ได้อย่างยั่งยืนและต่อยอดไปสู่ตลาดโลก โดยหนึ่งในมาตรการสำคัญล่าสุดของคณะกรรมการสงเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ คือ มาตรการส่งเสริมการลงทุนท้องถิ่น (Local Investment) ซึ่งประกอบด้วย 3 แนวทาง คือ 1. การส่งเสริมให้เกิดโรงงานแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร 2. การส่งเสริมกิจการศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน 3. การส่งเสริมกิจการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชน
“มาตรการดังกล่าวเป็นไปเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น ทั้งในด้านการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผลผลิตทางการเกษตร และยกระดับแหล่งท่องเที่ยวให้มีคุณภาพ โดยสิ่งที่รัฐบาลอยากเน้นเป็นพิเศษ คือ การสร้างความยั่งยืนของผลิตภัณฑ์ชุมชน หรือโอทอป ด้วยการเชื่อมโยงกับมาตรการเหล่านี้ เพราะที่ผ่านมามีผลิตภัณฑ์ออกมามาก บางส่วนมีการผลิตซ้ำ ๆ กัน ไม่ค่อยมีความแตกต่างของสินค้า ซึ่งไม่ได้หมายความว่าโอทอปไม่ดี แต่นายกฯ ต้องการให้โอทอปมีความยั่งยืนในหลายวิธีการ” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีอยากให้ผู้ผลิตสินค้าโอทอปใช้ประโยชน์จากมาตรการของบีโอไอ ในการช่วยกระจายสินค้า หรือปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เป็นนวัตกรรมสวยงามขึ้น มีความแตกต่าง เพื่อการส่งออกที่ง่ายขึ้น โดยคำนึงถึงความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ เน้นสิ่งที่ทำได้ง่ายและใช้เงินลงทุนไม่สูง เช่น การผลิตปุ๋ยชีวภาพ ผลิตภัณฑ์จากเศษวัสดุทางการเกษตร อาหารแปรรูป หรือผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร เป็นต้น
“นายกฯ ย้ำว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน ทำให้ประเทศไทยต้องยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง มีความเข้มแข็งจากภายใน และเมื่อเรามีความเข้มแข็งจากภายในแล้วไม่ว่าเศรษฐกิจของโลกจะเปลี่ยนแปลงไปเช่นไร ไทยก็จะสามารถยืนได้ด้วยตนเองอย่างสง่างาม และไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่แปรเปลี่ยนไปมากนัก” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
ทั้งนี้ สิทธิประโยชน์จากมาตรการของบีโอไอ ครอบคลุมทั้งเรื่องของภาษี สำหรับบริษัทขนาดใหญ่ สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน หรือผู้ประกอบการทั่วไปที่ลงทุนตั้งโรงงาน ศูนย์จำหน่ายโอทอป หรือพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชน รวมทั้งผ่อนปรนให้ผู้ประกอบการที่มีเงินทุนน้อยตั้งแต่ 1 แสนบาทขึ้นไป เข้าร่วมใช้สิทธิได้ และยังสามารถนำเครื่องจักรใช้แล้วบางส่วนมาใช้ในโครงการได้อีกด้วย