ทำเนียบฯ ทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 71 รูป เนื่องในวันมาฆบูชา ข้าราชการ ประชาชนเข้าร่วม ขณะที่ “ธนะศักดิ์” เชื่อไม่มีการเคลื่อนไหวของพระสงฆ์ในวันสำคัญทางศาสนา เชื่อทุกคนมีความรับผิดชอบในหน้าที่ ย้ำนายกฯ ไม่เดินหน้าเรื่องที่ขัดแย้ง โวประเทศกำลังเนื้อหอม ขอทุกฝ่ายร่วมมือก้าวไปข้างหน้า
ที่ตลาดน้ำคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล วันนี้ (22 ก.พ.) พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีตักบาตรพระสงฆ์ 71 รูป จากพระอารามในกรุงเทพมหานคร เนื่องในวันมาฆบูชา ประจำปี 2559 โดยมีนายวีระ โรจน์พจรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ข้าราชการ และประชาชนเข้าร่วม
พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าวว่า นโยบายรัฐบาลในการส่งเสริมความเป็นไทย สนับสนุนทุกพื้นที่เป็นสังคมคุณธรรมด้วยการน้อมนำหลักพระพุทธศาสนา หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการดำรงชีวิตตามวิถีวัฒนธรรมที่ดีงามไปปฏิบัติ เนื่องในเทศกาลมาฆบูชา 2559 กระทรวงวัฒนธรรมโดยกรมการศาสนาจึงได้จัดพิธีตักบาตรพระสงฆ์ เพื่อส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนได้ทำบุญด้วยการให้ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา นอกจากนี้ รัฐบาลมีนโยบายให้ทุกกระทรวงเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมในแต่ละวัด รวมถึง 14 จังหวัดชายแดนที่จะทำกิจกรรมเชื่อมโยงกับอาเซียนด้วย
ทั้งนี้ เวลา 17.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีอมอบหมาย พล.อ.ธนะศักดิ์เป็นประธานในการประกอบพิธีเวียนเทียนเนื่องในวันมาฆบูชา ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง
พล.อ.ธนะศักดิ์ให้สัมภาษณ์ถึงความขัดแย้งของคณะสงฆ์ที่มีกระแสข่าวชุมนุมในวันมาฆบูชาที่ท้องสนามหลวงว่า ตนทราบเรื่องนี้จากข่าว คิดว่าพระสงฆ์นั้นมีวินัย เชื่อว่าทุกคนร่วมจะร่วมตัวทำบุญด้วยใจบริสุทธิ์ ในวันนี้ โดยในพื้นที่สนามหลวงนั้นทุกคนมีสิทธิที่จะไปร่วมกิจกรรมในสิ่งที่ดี ส่วนจะมาด้วยเหตุผลอื่นนั้นถือว่าไม่น่าจะทำ โดยที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการคุยแก้ปัญหาในเรื่องนี้แล้วซึ่งน่าจะมีความเข้าใจ เราเองยังปฏิบัติตัวตามคำสอนพระสงฆ์ และคิดว่าพระสงฆ์ก็น่าจะเข้าใจ
ทั้งนี้เชื่อว่ามีพระสงฆ์เพียงส่วนน้อยที่มีความขัดแย้งเท่านั้น ส่วนการแสดงออกในกรณีนี้ที่ผ่านมาก็เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนจะเลิกรา เชื่อว่าทุกคนมีความเข้าใจในหน้าที่รับผิดชอบแต่ละคน
พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าวว่า ไม่ขอฝากอะไรกับพระสงฆ์ เห็นว่าทุกคนน่าจะทำหน้าที่ของตัวเองดีที่สุด โดยนโยบายของนายกฯ เองนั้นการเดินหน้าอะไรที่ขัดแย้งก็เป็นเรื่องลำบาก ต้องมีการกำจัดปัญหานั้นด้วยการพูดคุยทำความเข้าใจ เมื่ออยู่ในเรือลำเดียวกันก็ต้องพายในจังหวะเดียวกันให้ไปข้างหน้าได้เร็วขึ้น สถานการณ์ตอนนี้สำหรับตนถือว่าดี และขอให้ทุกคนช่วยกัน แม้คนหมู่มากไม่ชอบอะไรเหมือนกันร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เราต้องเคารพกติกา โดยประเทศไทยตอนนี้ถือว่าเนื้อหอม พร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้า มีคนมาท่องเที่ยวเยอะแยะ มีมรดกทางวัฒนธรรมทรัพยากรต่างๆ จึงอยากให้ทุกฝ่ายร่วมมือเพื่อผลประโยชน์ของประเทศ