“ประยุทธ์” รับเดาไม่ผิดเจอยิงปมผ้าเหลืองก่อน มอบ “สุวพันธุ์-วิษณุ” หาทางออกเมื่อทั้งสองฝ่ายอ้าง กม. แนะปฏิรูปใจตัวเองก่อน ชี้มีปัญหาอยู่ก็ยังแต่งตั้งไม่ได้ ติงสื่อไม่ช่วยแจง จะให้ออกแต่ กม.จะฟังกันหรือไม่ ประเดิมจัดระเบียบสื่อให้แนะนำตัวก่อนถาม 4 คำถาม นายกฯ แย้มวันหน้าคุยรู้เรื่องจะยืดให้ถามเพิ่ม
วันนี้ (18 ก.พ.) ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนในการแก้ไขความขัดแย้งของพระสงฆ์ในเรื่องการแต่งตั้งพระสังฆราชพระองค์ใหม่ว่า “ผมเดาไม่ผิด เห็นไหม ที่คิดไว้ว่าคำถามแรกจะต้องเป็นเช่นนี้ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการต่อไป เพราะปัญหาไม่ได้เกิดตอนนี้ เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานานแล้ว ถึงวันนี้จึงต้องมาตัดสินเอาแพ้เอาชนะ เอากฎหมายมาว่ากัน ผมได้มอบหมายให้นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ไปหาทางออกอยู่ เพราะฉะนั้นผมยังไม่ขอตอบในตอนนี้ ทั้งนี้ก็ต้องการทางออกกันจนได้ ประเด็นสำคัญคือหากอีกฝ่ายอ้างกฎหมายแล้วอีกฝ่ายก็อ้างกฎหมาย รัฐบาลจะทำอย่างไรในเมื่อมีกฎหมายทั้งสองทาง เพราะฉะนั้นจึงอยากให้คนไทยทบทวนว่าการใช้กฎหมายมาต่อสู้กันนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งมันไม่ผิดหรอกเพราะกฎหมายมีคนละฉบับ คนละเรื่องแต่ถ้านำมาปนกันก็จะตีกันทั้งหมดทุกเรื่อง ส่วนเรื่องแนวคิดการดีเบตของพระสงฆ์นั้น ผมก็พูดไปว่าให้มาพูดคุยกัน แต่ผมเห็นแล้วว่าเขาทำกันมาโดยตลอดอยู่แล้ว ความจริง รมต.สุวพันธุ์ก็ทำอยู่ในประเด็นที่ยังมีความขัดแย้ง”
เมื่อถามว่ารัฐบาลจะถือโอกาสในขณะนี้ปฏิรูปพระสงฆ์ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอถามกลับว่าจะให้ปฏิรูปอะไร ปฏิรูปแบบไหน วันนี้ขอให้ปฏิรูปใจของตัวเองก่อนดีกว่า วันนี้เรามีทั้งไทยพุทธ ไทยอิสลาม แต่ทั้งหมดก็ต้องปฏิรูปใจตัวเองก่อน ไม่ว่าจะใครก็แล้วแต่ “ผมเป็นรัฐบาล แล้วผมก็เป็นไทยพุทธ แต่ผมก็ต้องดูแลศาสนาอื่นด้วย แล้วทำไมเราไม่มาร่วมมือกันทำเพื่อให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติ เพราะฉะนั้นถ้ายังมีปัญหาอยู่ก็แต่งตั้งไม่ได้อยู่ดีเพราะว่าผมคงไม่เอาความขัดแย้งขึ้นมาให้มันเป็นเรื่องเป็นราว นี่คือกฎหมาย ถ้าผมจะทำอะไรผมรู้ดี มันมีกฎหมายแล้วหน้าที่ของมันอยู่ แต่อยากถามว่าคนอื่นรู้จักหน้าที่ของตัวเองบ้างไหมเล่าว่าทำอย่างไรจะลดความขัดแย้ง อีกฝ่ายก็อ้างแต่การกระทำความผิดเยอะแยะไปหมด อยากถามว่าจบหรือยัง แล้วมันจะจบได้อย่างไร”
เมื่อถามย้ำว่าจะถือโอกาสแก้กฎหมายเพื่อให้พระสงฆ์ถือครองทรัพย์สินที่มีค่าด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า สื่อเคยพูดให้เกิดความเข้าใจในสิ่งที่ตนจะทำบ้างหรือไม่ ขนาดตนบอกสื่อให้ไปช่วยชี้แจง อธิบายว่าควรจะต้องแก้ไขจุดนั้นจุดนี้ สื่อยังไม่ช่วยเลย แล้วจะให้ออกกฎหมายอย่างเดียวจะฟังกันหรือไม่ ให้ย้อนกลับไปฟังสิ่งที่ตนได้ตอบข้อแรกก่อนแล้วกัน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางกลับจากการปฏิบัติภารกิจที่สหรัฐอเมริกาของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ห้องรับรองพิเศษ สนามบินสุวรรณภูมิ ถือเป็นการให้สัมภาษณ์ครั้งแรกภายหลังจากมีการจัดระเบียบสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลใหม่ให้สามารถตั้งคำถามต่อนายกฯ ได้เพียง 4 คำถามเท่านั้น โดยสำนักโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้จัดพื้นที่สำหรับสื่อมวลชนโดยนำสายพานมากั้นพื้นที่ระหว่างโพเดียมนายกฯ และผู้สื่อข่าว โดยมีการจัดเก้าอี้และไมโครโฟนเพื่อให้ผู้สื่อข่าวได้แนะนำตัวก่อนตั้งคำถามนายกฯ ตามมาตรการจัดระเบียบซี่งทาง พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกฯ ได้มาทำความเข้าใจและสอบถามประเด็นคำถามกับผู้สื่อข่าวก่อนสัมภาษณ์นายกฯ อย่างไรก็ตาม ในเวลา 15.00 น.วันเดียวกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์จะนำคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าลงนามถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่โรงพยาบาลศิริราช
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงมาตรการใหม่ที่ให้สื่อมวลชนตั้งคำถามได้เพียง 4 คำถามในแต่ละครั้งของการให้สัมภาษณ์ว่า “เลข 4 มันดีมั้ง เจ๊ก-หนอ-ซา-สี่ เลข 4 ดี ถ้าโหงวไม่ค่อยหรอกเพราะมันเกิน ถ้าวันหน้ามันคุยกันรู้เรื่อง แล้วมันดีขึ้นช่วยชี้แจงทำความเข้าใจมันก็อาจจะเป็น 4-5-6 ก็ได้ วันนี้สตาร์ท 4 ก่อน เลขดี โอเคนะ ขอบคุณสวัสดี”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังให้สัมภาษณ์จบนายกฯ ได้เดินจากโพเดียมเพื่อขึ้นรถเดินทางกลับทันที ขณะที่มีกลุ่มให้สนับสนุนประมาณ 10 คนที่มารอให้กำลังใจบริเวณด้านหน้าห้องรับรองพร้อมได้ส่งเสียง “นายกฯ สู้” ซึ่งนายกฯ ก็ได้โบกมือทักทายพร้อมกล่าวขอบคุณ ก่อนที่จะขึ้นรถเดินทางกลับออกไปทันที โดยนายกฯ ได้เดินทางเข้าทำเนียบฯ ก่อนที่เวลา 15.00 น. พล.อ.ประยุทธ์จะนำ คสช.ร่วมลงนามถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่โรงพยาบาลศิริราช