xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” เผยรวบ “จ่านิว” เหตุผิด กม.เพียบ แจง ตปท.ได้ รับทหารลาดตระเวนบ้านสื่อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ประยุทธ์” เผยเหตุรวบ “จ่านิว” เหตุทำผิด กม.หลายคดีตั้งแต่ กม.ปกติ ชี้อุ้มขึ้นรถเพราะจับทุกรูปแบบ ย้อนเป็น นศ.กี่ปีแล้วเมื่อไรจบ มัวทำสิ่งไม่ใช่หน้าที่ จี้ มธ.ดูบ้าง แนะรู้จัก กม.บ้าง ไม่ใช่อ้างแต่ ปชต.-สิทธิฯ ตปท.ยันแจงได้ แจงทหารไปลาดตระเวนแถวบ้านสื่อที่ทำข่าว “ปู” ปลุก ขรก.สืบทอดการทำงาน นิ่งอาจไปก่อนตน จี้สื่อเสนอข่าวลดขัดแย้ง อย่าเปิดประเด็นใหม่ ย้อนของขลังสู้ กม.ไม่ได้

วันนี้ (21 ม.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์กรณีทหารเข้ารวบตัวนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว กลุ่มนักศึกษาประชาธิปไตยใหม่ ว่าตนแจ้งไปแล้วว่าให้ดูอยู่ เขาก็บอกว่าต้องระมัดระวังเรื่องแบบนี้ ต้องเข้าใจว่ากฎหมายมีหลายฉบับ แล้วอย่าลืมว่าคนที่เห็นด้วยกับเขามีส่วนหนึ่ง แต่ก็มีคนที่ไม่เห็นด้วยก็มีจำนวนมาก คนที่เห็นด้วยก็จะบอกว่าหมายจับมีแล้วทำไมไม่ทำ การละเว้นผิดมาตรา 157 แล้วอยากถามว่าเจ้าหน้าที่จับจ่านิวเรื่องอะไร ออกหมายจับเรื่องอะไร ความผิดอยู่ตรงไหน กรณีเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์เป็นคนละเรื่อง เขามีความผิดตั้งแต่กฎหมายปกติ มาตรา 116 หรือ 117 กรณีการสร้างความวุ่นวายสับสนในที่สาธารณะ กีดขวางการจราจร ต้องดูกระบวนการเริ่มต้นว่าความผิดนั้นอยู่ตรงไหน ถ้ามีการเดินทางไปยังอุทยานราชภักดิ์ก็ผิดเรื่อง พ.ร.บ.การชุมนุมในพื้นที่สาธารณะ ขัดคำสั่ง คสช.ในเรื่องการห้ามตามกฎหมายอยู่แล้ว ผิดแน่นอน แล้วจะผิดต่อที่ 2 คือ เป็นการชุมนุมอีกพื้นที่หนึ่งต่างเวลา ถือว่าต่างกรรมต่างวาระ เป็นสิ่งที่ตนห่วง ไปแล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้ จะไปพูดไปสื่อหรือเรียกคนมา ประชาชนเองก็จะผิดกันทั้งพวง ถ้าไม่เคารพกฎหมายกันอย่างนี้แล้วจะอยู่กันอย่างไรเล่า

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่เจ้าหน้าที่ไปอุ้มขึ้นรถอย่างนี้จะถูกมองในแง่ไม่ดี พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “เขาก็จับทุกรูปแบบ ทำไม จับแล้วให้พวกเธอเห็นแล้วถ่ายรูปจะได้ไปต่อต้านเจ้าหน้าที่กันหรืออย่างไร แล้วกรณีไปจับโจรอื่นทำไมไม่พูดกันบ้าง” เมื่อถามว่าย้ำว่า แต่กรณีนี้เป็นนักศึกษาจึงเป็นประเด็นที่อ่อนไหว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวย้อนถามว่า “เป็นนักศึกษาเรียนมากี่ปีแล้ว รู้หรือไม่ แล้วเมื่อไหร่จะจบ ไปทำในสิ่งที่ไม่ใช่หน้าที่อยู่นั่นแหละ ไม่จบก็ไม่จบ ผมคิดว่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะต้องดูแล้วนะ ผมไม่ได้มองว่าเขาออกมาต่อต้าน แต่ถามว่ามันต่อต้านได้ไหมเล่า ลองสิ ใครมาต่อต้านสิ เอาหรือไม่เล่า แล้วพวกคุณจะปล่อยให้คนเหล่านี้ต่อต้านหรือ ผมพูดไปก็ไม่ฟังกัน พูดจนเหนื่อยปาก เดี๋ยวชกเลย แล้วก็ไปเขียนเฉพาะไอ้ที่แสบๆ นายกฯ อารมณ์เสียอย่างนั้นอย่างนี้ ฟังกันบ้างเรื่องที่เป็นสาระ แล้วถ้าจะปล่อยให้เขาทำกันอย่างนั้น คนอื่นผมก็ทำอะไรไม่ได้ มันก็ขัดแย้งกันอยู่อย่างนี้ กฎหมายเขาเขียนไว้แล้ว เขาไม่ได้เขียนว่าห้ามไปอุทยานราบภักดิ์ ไปแล้วผิด ไม่ได้เขียนห้ามชุมนุมเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง กฎหมายเขามีไว้อยู่แล้ว ความจริงไม่ต้องใช้มาตรา 44 ไม่ต้องมี คสช. ถ้าทุกคนทำตามกฎหมาย พ.ร.บ.การชุมนุมฯ แล้วทำไมวันนี้ที่เขาชุมนุมเรื่องยางจึงไม่ถูกจับ เพราะเขาขออนุญาต รู้จักกฎหมายกันบ้าง ไม่ใช่อะไรก็จะประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชนแล้วมันเป็นอย่างไรที่ผ่านมา”

เมื่อถามว่า การจับกุมนักศึกษา ต่างประเทศมักจะมีท่าทีต่างๆ ออกมา พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็ช่างต่างประเทศ ตนชี้แจงได้อยู่แล้ว ตอนนี้ชี้แจงไปหมดแล้ว พฤติกรรมของใครที่อยู่ต่างประเทศ ผิดกฎหมายอะไรบ้าง ตนส่งไปหมดแล้ว ผิดกฎหมายอะไรบ้าง ทุกตัว ตนไม่กลัวใครอยู่แล้ว ที่ผ่านมาไม่กล้าพูดกัน ก็เอาเรื่องข้อเท็จจริงส่งไปยังสถานทูตทุกประเทศ ว่าใครผิดตรงไหนอย่างไร ให้เข้าใจว่ากฎหมายไทยคือกฎหมายไทย ไม่ใช่อำนาจของตน เป็นอำนาจของกฎหมาย ที่ออกมาเพื่อคนทั้งประเทศ เราต้องคิดให้ออก ไม่เช่นนั้นก็แก้ปัญหาประเทศไม่ได้

พล.อ.ประยุทธ์ยังตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีที่มีทหารเข้าไปสังเกตการณ์บ้านผู้สื่อข่าวคนหนึ่งย่านสุขาภิบาล 5 ซึ่งได้ไปทำข่าวบ้านของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาและ พล.อ.ประยุทธ์ เคยถามถึงว่าไปรับของขลังอะไรมาหรือเปล่า โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คงเป็นการไปลาดตระเวนในพื้นที่ของหน่วยงานนั้นๆ มากกว่า ก็ไม่ต้องไปกลัวอะไร “เดี๋ยวสั่งให้ ไม่ต้องไปยุ่งกับมัน ตำรวจก็ไม่ต้องไปดูแล มีเรื่องก็ให้รับผิดชอบกันเอง”

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังการให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรี พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ลงมาชี้แจงว่า ได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ได้รับรายงานว่ารถยนต์ทหารที่เข้าไปยังบ้านผู้สื่อข่าวดังกล่าวเป็นการลาดตระเวนตามปกติของหน่วยรักษาความสงบในพื้นที่ โดยรถยนต์ที่ใช้เป็นรถยนต์ดัดแปลงที่ภาษาทหารเรียกว่า รถ 50

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุการณ์ที่รถทหารเข้าไปลาดตระเวนที่บ้านผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง เกิดขึ้นเมื่อเวลา 20.20 น.วันที่ 20 ม.ค. มีรถทหาร 50 ที่มีลักษณะคล้ายรถจีเอ็มซี พร้อมทหารประมาณ 7 นาย ได้เข้าไปยังถนนสุขาภิบาล 5 ซอย 32 แยก 4 ซึ่งเป็นซอยตัน บุคคลที่จะเข้าไปซอยดังกล่าวจะเป็นเฉพาะญาติพี่น้องเท่านั้น จะไม่มีบุคคลภายนอกผ่านเข้าไป เนื่องจากไม่ใช่ถนนสายหลักหรือทะลุเชื่อมต่อไปไหนได้ และปกติก็ไม่เคยมีการลาดตระเวนของเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาแต่อย่างใด ทำให้ชาวบ้านใกล้เคียงตื่นตระหนกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 10.30 น. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งระหว่างเป็นประธานเปิดโครงการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการมาตราส่วน 1 : 4,000 (One Map) และมอบนโยบายว่า สิ่งที่ตนเองต้องการในตอนนี้คืออยากให้มีคนที่ร่วมกันทำความดี ให้ประเทศชาติในช่วงเปลี่ยนผ่านที่นำไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ตนไม่อยากสืบทอดอำนาจ แต่อยากสืบทอดการทำงานที่เราทำไปแล้ว ซึ่งข้าราชการทุกคนต้องทำต่อ ถ้าไม่ทำอาจจะมีคนที่ไปก่อนตน ซึ่งไม่ได้เป็นการขู่ หลักการปกครองขู่กันไม่ได้ แต่มันจำเป็นเพื่อลบคำครหาว่า รัฐบาลไม่เข้มงวด ไม่ตรวจสอบ เพราะเราตรวจสอบทุกอันทุกเม็ด

“ขอให้เข้าใจ สื่อเองก็ต้องเข้าใจผมด้วย ไม่ใช่ว่าบอกว่ารัฐบาลช้าไม่มีน้ำยา เรื่องอะไรมาดูถูกกันเอง ในเมื่อเราทำทุกอย่างให้กับท่าน ท่านต้องมีส่วนร่วมกับผมในการพัฒนาประเทศ เสนอทั้งสองทาง ท่านจะเสนอให้ใครผมไม่รู้ แต่ท่านต้องเสนอข่าวให้กับรัฐบาลด้วย นี่คือการปฏิรูปสื่อในอนาคต ผมไม่ได้ใช้อำนาจไปก้าวล่วง แต่จะให้สังคมกดดัน เมื่อท่านเสนอข่าวแย่ๆ ออกมาทุกวัน ไม่เห็นได้อะไรขึ้นมา วันนี้หน้าแรกเห็นแต่เรื่องรบราฆ่าฟันกันตาย ดารา ให้เขาเป็นสุขเถอะ ตอนอยู่เขาก็ป่วย เขาก็เจ็บ พอตายก็จะอะไรกันนักหนา ขออย่าหากินกับเรื่องแบบนี้เลย อย่างครั้งก่อนเรื่องสำคัญก็คือเรื่องความเผือก ซึ่งต้องเสนอข่าวที่ลดความขัดแย้ง ไม่เปิดประเด็นใหม่ เอาสิ่งที่รัฐบาลทำไว้ไปพูด หากมีข้อเสนอแนะอะไรก็ให้วิจารณ์มา หลายคนไปงานปีใหม่มาใครบ้างผมรู้หมด ไปงานปีใหม่ ไปงานวันเกิด รับของแจก มีของศักดิ์สิทธิ์ตะกุด 3 ดอก อะไรซักอย่าง ดอกเดียวก็แย่อยู่แล้ว ไม่มีเครื่องรางของขลังอะไรที่จะสู้กฎหมายได้ ถ้าท่านทำผิดกฎหมายการพิจารณาคดีก็มีมาตรการอยู่แล้ว” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น