รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยนายกฯ สอบถามความคืบหน้าบึ้มจาการ์ตา คนไทยได้รับผลกระทบหรือไม่ ส่วน สมช.กำชับหน่วยความมั่นคงดูแลสถานที่สำคัญ พร้อมเช็กความเคลื่อนไหว แต่ยังไม่พบความเชื่อมโยง ย้ำไม่ประมาท “ประยุทธ์” ไม่กังวลแต่ห่วงใย ระบุการข่าวแลกเปลี่ยนมิตรประเทศตลอด พอมีข่าวแก๊งรัฐอิสลามลามเอเชียยิ่งเข้มเพิ่ม ระวังตกเป็นเป้าตลอด วอนประชาชนช่วยแจ้งเบาะแสหากพบสิ่งผิดปกติ
วันนี้ (15 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เกิดเหตุระเบิดกลางกรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ว่าตั้งแต่เมื่อวันที่เกิดเหตุพอทราบเรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีก็ได้ติดตามสอบถามความคืบหน้า และผลกระทบไปยังสถานทูตว่ามีคนไทยได้รับผลกระทบหรือไม่ พร้อมกับให้ทำหนังสือแสดงความเสียใจส่งไปตามที่เป็นข่าวไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ก็ได้ติดตามดูแลเรื่องที่อาจะเกี่ยวข้องเรื่องสถานการณ์การก่อการร้ายต่างๆ และได้กำชับทุกหน่วยงาน ทั้งตำรวจ ทหาร ดูแลสถานที่สำคัญๆ และสถานที่ท่องเที่ยว และให้ตรวจสอบเรื่องความเคลื่อนไหวเฉพาะทางที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้ว่ามีความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ ยังไม่พบว่ามีความเชื่อมโยงใดๆ แต่เราไม่ประมาท นายกรัฐมนตรีไม่ได้มีความกังวล แต่มีความห่วงใยในเรื่องนี้ตลอด
พล.ต.วีรชนกล่าวว่า ตั้งแต่ช่วงเหตุราชประสงค์ได้มีการกำชับหน่วยงานด้านความมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านข่าวกรองได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรองกับมิตรประเทศมาตลอด สม่ำเสมอและติดตามสถานการณ์มาอย่างต่อเนื่องไม่มีย่อหย่อน ระมัดระวังมาตลอดแม้แต่ช่วงปีใหม่ พอมีข่าวเรื่องความเคลื่อนไหวของกลุ่มไอเอสมาในอาเซียน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราก็ยิ่งเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น โดยทาง สมช.ได้สรุปรายงานมาเป็นรายสัปดาห์ ว่ามีความเคลื่อนไหวอย่างไร คืบหน้าอย่างไร มีสิ่งบอกเหตุอย่างไร แต่ ณ เวลานี้ยังไม่มีอะไรชี้ว่าประเทศไทยจะมีความเกี่ยวพันหรือตกเป็นเป้าหมายแต่อย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อมูลเชิงลึกทางการข่าวว่าอาจมีเหตุในอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย แล้วจะมีมาถึงประเทศไทยด้วยหรือไม่ พล.ต.วีรชนกล่าวว่า รัฐบาลพยายามดำเนินการนโยบายด้านการต่างประเทศของเราเพราะส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าเป้าหมายคือมุสลิม เป้าหมายที่มีความเกี่ยวข้องกับมหาอำนาจซึ่งเข้าไปมีกรณีกับทางกลุ่มหัวรุนแรงต่างๆ เพราะฉะนั้นบทบาทของไทยกับการที่จะเข้าไปเกี่ยวพันให้เกิดเป็นประเด็นหรือเป็นเป้าหมายได้เราก็ระมัดระวังมาตลอด
รองโฆษกรัฐบาลกล่าวว่า ในแง่การรักษาความปลอดภัยภายในประเทศนั้นตั้งแต่ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาแล้ว อาจจะไม่ได้เห็นการปรากฏตัวของเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบ แต่มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ มีการติดตามสถานการณ์ มีการรายงาน ตรวจสอบประสิทธิภาพกล้องวงจรปิดต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง มีการประสานงานกับหน่วยงานด้านความมั่นคงระหว่างประเทศตลอด มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอยู่ตลอด
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีจะเรียกประชุมหน่วยงานความมั่นคงเพื่อกำชับนโยบายด้านนี้หรือไม่ พล.ต.วีรชนกล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังไม่ได้เรียกประชุม แต่นายกรัฐมนตรีได้กำชับผ่านฝ่ายความมั่นคงว่าให้ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวอย่างเข้มงวดมากขึ้น ตอนนี้คนไทยเองไม่ถึงกับตื่นตระหนก แต่เราคงไม่สามารถจะบอกได้ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นร้อยเปอร์เซ็นต์เสียทีเดียวเพราะเป็นเรื่องของความประมาท แต่ประชาชนทุกคนต้องให้ความร่วมมือ ให้ความช่วยเหลือกับภาครัฐ และฝ่ายความมั่นคง หากเห็นสิ่งแปลกปลอม ผิดปกติในสังคม มีความเคลื่อนไหวของคนแปลกหน้าในชุมชน ในพื้นที่ของตัวเองก็ต้องช่วยกัน ในโลกปัจจุบันจะบอกว่าอยู่ยากก็ไม่ใช่แต่ก็ไม่ง่ายเหมือนเดิม ดังนั้นประชาชนต้องตื่นตัวและเรียนรู้ที่จะสังเกตสิ่งแวดล้อม หรือความผิดปกติที่เกิดขึ้นรอบตัวแล้วก็ช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ทราบ