นายกรัฐมนตรีร่วมงานวันเด็กทำเนียบฯ ชมวงโยธาวาทิต ชกมวยโชว์ จับง้าวเล่น ก่อนขึ้นตึกไทยฯ ไปถ่ายรูปคู่เด็กนั่งเก้าอี้นายกฯ สอนทำงานต้องละเอียด ให้คนพิการยืนหยัดด้วยความภูมิใจ ขอคนเก่งเป็นแบบอย่างที่ดี เลือกเชื่อด้วยเหตุและผล ชี้คนดีคือเคารพกฎหมาย เผื่อแผ่ ไม่สร้างความเดือดร้อน ดึงเด็กตัวอย่างออกรายการรัฐ ติงสมัยนี้เรียนแต่วิชาการหวังปริญญา ชี้สังคมมีปัญหาด้วยคนไม่กี่คน ด้านเด็กๆ แห่เที่ยว ขี่หุ่นไดโนเสาร์ ขณะที่เจ้าหน้าที่เข้มรักษาความปลอดภัยเต็มสูบ
วันนี้ (9 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า คสช. เดินทางถึงบริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เยี่ยมชมการแสดงวงโยธวาทิตของโรงเรียนเมืองนครราชสีมา และนายกฯ ยังได้ชกมวยกับเยาวชนที่มาทำการแสดงโชว์พิเศษ “ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวด้วยอาวุธไทยสมัยโบราณ”จากสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตชลบุรี พร้อมทั้งหยิบง้าวมาแสดงโชว์ จากนั้นนายกฯ ได้เดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อไปพบและถ่ายภาพร่วมกับเด็กและเยาวชนที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศ เด็กจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ เด็กดีหรือเด็กกตัญญู และเด็กด้อยโอกาสหรือเด็กพิการจำนวน 22 คน นายกฯ ได้เปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนนั่งเก้าอี้ทำงานของนายกฯ พร้อมถ่ายภาพร่วมเป็นที่ระลึก
ทั้งนี้ นายกฯ ได้พูดคุยสอบถามเด็กและเยาวชนอย่างเป็นกันเองพร้อมกับให้คำแนะนำในการทำงานว่า ต้องมีความละเอียดรอบคอบ เพราะตำแหน่งนายกฯ เป็นตำแหน่งที่สำคัญ เวลาจะลงนามหนังสืออะไรต้องอ่านให้ครบถ้วน ก่อนจะลงนามหนังสือต้องตรวจตราให้ดี เพราะถ้าผิดพลาดจะมีผลกระทบต่อประเทศชาติ และให้กำลังใจเด็กพิการ และเด็กที่มีปัญหาด้านสมองว่า ขอให้เด็กและเยาวชนอย่าท้อแท้ มีกำลังใจในการดำรงชีวิต และให้ยืนหยัดอยู่ในสังคมด้วยความภาคภูมิใจ สำหรับเด็กเก่ง และเด็กทั่วไป และได้กล่าวชื่นชมขอให้เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเพื่อน และขอให้ตั้งใจเรียน ประสบความสำเร็จประกอบอาชีพตามที่คาดหวังไว้ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นอะไรขอให้เป็นคนดีของพ่อแม่ เป็นคนดีของสังคม ขอให้เป็นอนาคตที่ดีของประเทศชาติ และที่สำคัญเด็กและเยาวชนต้องรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ขอให้เด็กและเยาวชนเลือกที่จะเชื่ออย่างมีเหตุและผล คิดและไตร่ตรองให้ครบถ้วน นอกจากนี้ ต้องมีคุณธรรมและจริยธรรม มีจิตอาสาทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม และเพื่อสังคมต่อไป
สำหรับในปีนี้ มีเด็กและเยาวชนจากทั่วประเทศเขียนคำอวยพรปีใหม่ให้กับนายกรัฐมนตรี โดยได้นำมาจัดนิทรรศการไว้บริเวณตึกไทยคู่ฟ้า โดยนายกรัฐมนตรีได้เขียนตอบขอบคุณความว่า “เนื่องในโอกาสปีใหม่ 2559 และวันเด็กแห่งชาติ ขอขอบคุณเด็กและเยาวชนทุกคนที่ส่งคำอวยพร และให้กำลังใจกับนายกรัฐมนตรี ในวันขึ้นปีใหม่ 2559 ขอให้ทุกอย่างที่ให้มา กลับไปยังทุกคนเป็นร้อยเท่าพันเท่าให้พัฒนาตนเองเพื่ออนาคตของลูกหลานทุกคน หากเด็ก เยาวชน ผู้ปกครอง ครูมีความเข้มแข็ง ประเทศชาติก็จะเข้มแข็งไปด้วย ขอให้มีความสุข สมหวัง สำเร็จ แข็งแรง ปลอดภัย ทุกคน
จากนั้นเวลา 10.50 น. ที่ตึกสันติไมตรี พล.อ.ประยุทธ์ เปิดงานวันเด็กแห่งชาติและกล่าวตอนหนึ่งว่า เราฟังเสียงทุกคนโดยเฉพาะกับเด็กๆ เด็กคือผู้บริสุทธิ์ไม่มีอย่างอื่น เด็กคืออนาคตของชาติ สิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างจิตสำนึกในใจไม่มีใครบังคับได้ นอกจากตัวเอง การเป็นคนดี มีคุณธรรรมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด แต่ก็ยังมีคนสงสัยว่าการเป็นคนดีคืออะไร แสดงว่าอีกนานเหมือนเต่าที่อยู่ในน้ำ หรือบัวที่ยังไม่ได้ผุดโผล่จากใต้น้ำ คนดีคือคนที่เคารพกฎหมาย เป็นคนที่เผื่อแผ่และเคารพคนอื่น ไม่สร้างความเดือดร้อน ละเมิดสิทธิคนอื่น ทำให้บ้านเมืองสงบสุขอย่างยั่งยืน ไม่มีความขัดแย้ง คนดี มีหลายเรื่องที่สามารถทำดีได้ แต่ไอ้ที่ทำชั่วมีไม่กี่เรื่อง แต่ชอบทำกัน เด็กๆ ทุกคนต้องไม่ทำให้เกิดขึ้นมาอีก หวังว่าการจัดงานวันเด็กปีนี้ได้ประโยชน์ หลายอย่างสามารถนำพาเยาวชนไปขับเคลื่อนประเทศได้ในเรื่องของการปฏิรูป โดยเฉพาะ ด.ช.พลภัทร์ องอาจ หรือน้องโชกุน นักเรียนจากโรงเรียนอนุบาลกาฬสินธ์ ที่สามารถพูดภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว และ ด.ญ.วนิสา ใจดี ที่สามารถสรุปและพูดถึงการลดเวลาเรียน เพิ่มการเรียนรู้ ได้เป็นอย่างดี
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ด.ช.พลภัทร์ อาจต้องไปพูดภาษาอังกฤษในรายการของรัฐบาลผ่านทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 เพื่อสร้างความสนใจในภาษาอังกฤษ เป็นแรงกระตุ้นให้กับเด็กคนอื่นๆ ด้วย ส่วนของ ด.ญ.วนิสา ใจดี มอบหมายให้กระทรวงศึกษารับไปเพื่อออกรายการเดินหน้าประเทศไทยในช่วงเย็น ในเรื่องการลดเวลาเรียน เพิ่มการเรียนรู้ สำหรับตนที่ทำทุกวันนี้ได้เพราะครอบครัวสอนมาเพราะพ่อ แม่สอนมา พ่อเคยสอนเย็บผ้าก็ซ่อมผ้าได้ เย็บกระดุมได้ รีดผ้าเอง ไสไม้แกะสลักอ็อกเหล็ก เป็นหมดเพราะเรียนมา ซึ่งสมัยก่อนเรียบแบบนี้ ไม่ใช่เหมือนสมัยนี้ที่เรียนแต่ภาควิชาการมากๆ ได้ใบปริญญา แต่ทำงานไม่ได้ เพราะไม่มีกระบวนการเรียนรู้ วันนี้อย่าคิดแค่ความรู้สึก รักใครชอบใครไม่ใช่มองแค่หน้าตา ต้องรักคนด้วยความดี ผู้ชายต้องเป็นหลักของผู้หญิง เสียสละ อดทน เข้มแข็ง ไม่หลอกลวง ผู้หญิงก็รักคนด้วยหัวใจ สติปัญหา และสมอง อย่ารักคนแค่หล่อ คารมดี ทั้งสองฝ่ายต้องปรับตัวเข้าหากัน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลและ คสช.พยายามปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ ประชาชนและประเทศในขณะนี้ หลายอย่างต้องเข้มงวด หลายอย่างก็มีการผ่อนผัน แต่ก็ยังมีความไม่เข้าใจซึ่งแสดงว่าสังคมเรากำลังมีปัญหาด้วยคนไม่กี่คน ไม่กี่ประเภท ก็เหลือแต่เด็กๆ ที่เป็นอนาคตของชาติ ที่มีหน้าที่ดูแลพ่อแม่ผู้ปกครอง อยู่ในกรอบ วินัยของบ้านเมือง และช่วยกันสร้างประเทศในอีก 20 ปีข้างหน้าเป็นอย่างน้อย ตามยุทธศาสตร์ที่เรากำหนดไว้ว่า ใน 20 ปี ข้างหน้าเราจะมีอุปกรณ์ที่ทันสมัย ใช้เทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ จึงจำเป็นต้องเรียนรู้ตั้งแต่วันนี้ รัฐบาลพยายามวางแผน วางพื้นฐานไว้ใน 1 ปี 6 เดือนที่เหลือ ที่เหลือรัฐบาลต่อไปมีหน้าที่ดำเนินการต่อไป แต่คิดว่าสิ่งที่วางไว้นั้นเป็นอนาคตของประเทศ
ในช่วงท้ายของการให้โอวาท นายกรัฐมนตรีได้ทดลองให้น้องโชกุน เป็นล่ามโดยแปลตามสิ่งที่พูด และแสดงความพึงพอใจ และปรบมือเมื่อน้องโชกุนสามารถทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี และสัปดาห์นี้ขอให้ไปพูดผ่านรายการของรัฐบาลทางสถานีโทรทัศน์เพื่อที่จะคนทั่วไปจะได้สนใจภาษาอังกฤษ ซึ่งทุกกระทรวงสามารถเชิญเพื่อไปสร้างสรรให้เกิดประโยชน์ต่างๆ ได้และอย่าลืมให้รางวัลแก่เด็กด้วย อย่าใช้แรงงานเด็กอย่างเดียว และฝากให้รองนายกฯ และกระทรวงศึกษาธิการไปสานต่อด้วย ไปสร้างการเรียนรู้ จะได้เป็นกำลังใจ
นายกฯ กล่าวอีกว่า เด็กคืออนาคตของชาติ เด็กจะดีเพราะครูดี พ่อแม่ดี เมื่อพ่อแม่ดีลูกก็จะดีประเทศก็จะดีด้วย เด็กทุกคนมีความเก่งในตัว หาความเก่งของตัวเองให้เจอว่าเก่งตรงไหน ไม่ใช่ไปเก่งด้วยการขี่มอเตอร์ไซด์แข่งกัน แล้วก็ตาย วันนี้ลุงออกกฎหมายทุกชนิดที่จะแก้ปัญหาอุบัติเหตุ ไม่มีอะไรเหลืออีกแล้วกฎหมายแรงที่สุดก็ออกไปแล้วแต่ก็ยังตายและเจ็บอยู่ ขอให้เด็กๆ ช่วยไปบอกพ่อแม่ด้วยว่าขับรถอย่ากินเหล้า ถ้ากินลูกไม่ไปด้วย จะสามารถช่วยลุงได้ บอกพ่อด้วยนะว่าอย่าไปสร้างความขัดแย้ง ห้ามทะเลาะ ห้ามชกกัน ห้ามไปร่วมกลุ่มกับไอ้คนไม่ดี ทำตัวเป็นคนดี ถ้าเห็นลุงดีก็มากับลุง ถ้าเห็นลุงไม่ดีก็ไม่ต้องมา ก่อนจะหันไปถามน้องโชกุน ว่า “ลุงใช้ได้มั้ย”
จากนั้นนายกรัฐมนตรีร่วมถ่ายรูปกับเด็ก ก่อนจะเดินเยี่ยมชมซุ้มการจัดงานต่างๆ โดยมีผู้ปกครองและเด็กให้ความสนใจถ่ายรูปด้วยเป็นจำนวนมาก ก่อนที่จะเดินทางกลับออกจากทำเนียบรัฐบาลไปเมื่อเวลา 11.40 น. ส่วนบรรยากาศการจัดงานวันเด็กที่ทำเนียบก็ยังคงมีต่อเนื่องไปจนถึงเวลา 15.30 น. ซึ่งยังมีมีผู้ปกครองทยอยพาเด็กๆมาเที่ยวชมอย่างต่อเนื่อง
สำหรับบรรยากาศงานวันเด็กแห่งชาติที่ทำเนียบรัฐบาล ในช่วงเช้าเป็นไปอย่างคึกคักถึงแม้ว่าจะมีฝนตกลงมาในช่วงเช้า แต่ไม่เป็นอุปสรรคให้กับเด็กๆ และผู้ปกครอง ยังคงทยอยเดินทางมาร่วมงานวันเด็กที่ทำเนียบรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้ส่วนใหญ่ให้ความสนใจเป็นพิเศษกับหุ่นไดโนเสาร์ที่เคลื่อนไหวได้ มีการเข้าไปถ่ายรูปอย่างเนืองแน่น ขณะเดียวกันก็ยังไปต่อคิวเพื่อขึ้นขี่ไดโนเสาร์ที่นำมาจัดเตรียมไว้ อีกจุดสนใจที่เป็นไฮไลต์ของทุกๆ ปียังคงเป็นการขึ้นไปเยี่ยมชมห้องทำงานและนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี บนตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งในปีนี้ต้องไปลงทะเบียนและแจ้งหมายเลขบัตรประชาชน เพื่อที่จะออกเป็นบัตรเพื่อความสะดวก โดยจัดเป็นรอบละ 40 คน ทั้งนี้ที่ตึกไทยคู่ฟ้าได้มีการนำเอาส.ค.ส.ที่เด็กๆ ส่งมาอวยพรนายกฯ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ มาตั้งไว้ที่ตึกไทยคู่ฟ้า
ส่วนบริเวณโดยรอบทำเนียบมีการจัดซุ้มกิจกรรมต่างๆ รวมถึงเครื่องเล่น ของแจกให้กับเด็กๆ อาทิ การตรวจฟันฟรี โดยมหาวิทยาลัยมหิดล ตัดผมฟรีจากศูนย์ฝึกอาชีพสวนลุมพินี การถ่ายรูปกับภาพเสมือนจริงหรือสแตนดี้ลุงตู่ กิจกรรมร้องเพลง กิจกรรมทดลองอ่านข่าว ของสำนักโฆษก สำนักเลาขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) การจำลองสนามเด็กเล่น รถโบราณ และซุ้มว่าวไทย เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีนักกีฬาที่มีชื่อเสียงเดินทางมาร่วมงานด้วย เช่น ชาริล ชับปุยส์ นักกีฬาฟุตบอลทีมชาติไทย น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ นักกีฬาแบตมินตันทีมชาติ และนักกีฬาทีมชาติวอลเลย์บอล สร้างความสนใจให้กับเด็กและผู้ปกครองขอเข้าถ่ายด้วย
ขณะที่มาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ มีหน้าที่ตำรวจสนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ทหาร ดูแลความปลอดภัยทั้งภายในและบริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล ทั้งตามตึกต่างๆ โดยเฉพาะตึกไทยคู่ฟ้า ตึกบัญชาการ สนามหญ้าจุดตั้งหุ่นไดโนเสาร์ นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่หน่วยทำลายล้างวัตถุระเบิด หรืออีโอดีนำเครื่องสแกนวัตถุแปลกปลอมมาตั้งบริเวณทางเข้าออก 3 จุด คือ บริเวณประตู 1 ประตูสะพานอรทัย และบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ
มีรายงานด้วยว่า พบชายสูงวัยรายหนึ่งถือโอกาสนี้มายังตึกไทยคู่ฟ้า โดยอ้างจะมายื่นร้องเรียนเรื่องที่ได้รับความเดือดร้อนจากนายกฯ เจ้าหน้าที่จึงรีบพาเดินทางไปยังศูนย์บริการประชาชนสำนักงานก.พ.โดยมีเจ้าหน้าที่เป็นผู้รับหนังสือแทน