“เชาวรินธร์” บุกสภา แถลงขอถอดยศ ร.ต.ท.ของตัวเองหลังพ้นโทษคดีฉ้อโกง อ้างเพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย เตรียมออกหนังสือ “โชคดีที่ติดคุก” แฉแรงงานเด็กพม่า-กัมพูชาถูกนายจ้างเบี้ยวเงินก่อนสั่งตำรวจยัดคุก สับกระทรวงยุติธรรมไม่ทำเรื่องช่วยนักโทษผู้เฒ่าให้พักโทษได้ ปัดประชด “ทักษิณ” บอกเคยให้คำปรึกษาเรื่องคดีที่ดินรัชดาฯ แต่ไม่เชื่อเอง จวก สตช.-คสช.ถอดยศนายเก่าก้าวล่วงพระราชอำนาจ
วันนี้ (6 ม.ค.) ที่รัฐสภา นายเชาวรินธร์ ลัทธศักย์ศิริ หรือ ร.ต.ท.เชาวรินทร์ ลัทธศักดิ์ศิริ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย อดีตผู้ต้องขังความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและถูกจำคุกเป็นเวลา 10 เดือน ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และพ้นโทษออกมาแล้วตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้แถลงข่าวเพื่อขอถอดยศตำรวจ “ร.ต.ท.” โดยอาศัยอำนาจตามในมาตรา 11 (4) มาตรา 28 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 เพื่อเป็นการรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย และไม่ต้องรอให้ สตช.ทำเรื่องถอดยศตัวเอง
นายเชาวรินธร์กล่าวว่า ส่วนอนาคตทางการเมืองขณะนี้ยังไม่ได้คิดเพราะเชื่อว่ารัฐบาล คสช.จะอยู่อีกยาว อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะออกหนังสือส่วนตัวชื่อ “โชคดีที่ติดคุก” ที่ขณะนี้ได้เขียนต้นฉบับเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยนำเสนอเรื่องราวประวัติของตัวเองที่ผ่านมา และเรื่องที่เกิดในคุกตลอดเวลาที่ถูกคุมขัง อาทิ เหตุการณ์เด็กอายุประมาณ 14-15 ปี ชาวพม่า กัมพูชา ที่ถูกผู้ประกอบการแรงงานของไทยไม่จ่ายค่าจ้างเด็กต่างด้าวดังกล่าว จากนั้นก็เบี้ยว โดยสั่งให้ตำรวจจับตัวเข้าคุกไปเพื่อล้างหนี้ จึงเรียกร้องให้ทูตพม่าและกัมพูชาเข้ามาดูแลพลเมืองของตัวเองด้วย ขณะที่ทางการรัฐบาลก็ต้องดูแลเรื่องนี้เพราะเข้าสู่เออีซีแล้ว
นายเชาวรินธร์กล่าวว่า นอกจากนี้ยังพบปัญหาเรื่องที่รัฐบาลบอกเรื่องคนล้นคุก แต่ปรากฏว่าเป็นการกล่าวอ้างที่สวนทางกับความเป็นจริง เพราะไม่ยอมช่วยเหลือนักโทษที่อายุตั้งแต่อายุ 65 ปีที่รับโทษ 1 ใน 3 และเหลือโทษไม่ถึง 2 ปี และอายุต่ำกว่า 65 ปี รับโทษมาแล้ว 1 ใน 2 เหลือโทษไม่ถึง 2 ปี โดยระเบียบจะต้องทำเรื่องพักโทษให้ออกไปอยู่ข้างนอกและปฏิบัติตัวตามเงื่อนไข แต่ปี 2558 กระทรวงยุติธรรมกลับไม่ดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การถอดยศของตัวเองต้องการประชดไปถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือไม่ นายเชาวรินธร์กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน ส่วนเรื่องคดีของนายทักษิณช่วงที่ถูกดำเนินคดีที่ดินรัชดาฯ ตนเคยให้คำปรึกษาทางกฎหมายไปแล้ว แต่อดีตนายกฯ ก็ไม่เชื่อ และหลังจากนั้นก็ไม่กล้าให้คำปรึกษาและติดต่อกันอีกเลย และตนมั่นใจว่าหากวันนั้นนายทักษิณเชื่อก็ไม่ต้องรับโทษและอยู่ต่างประเทศอย่างนี้
“หลังจากติดตามเรื่องการถอดยศของนายทักษิณ ผมคิดว่า สตช.และคสช.ทำไม่ถูกต้องและก้าวล่วงพระราชอำนาจ เพราะในมาตรา 28 พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ระบุว่าสามารถกระทำได้โดยพระราชโองการเท่านั้น” อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยระบุ