xs
xsm
sm
md
lg

แผนไม้ขีดราคาถูกทำ “ประยุทธ์” เสียสมาธิ เสี่ยงโรดแมปล่มกลางคัน!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา


ต้องยอมรับว่า “แผนไม้ขีดไฟ” ราคาถูกที่นำมาใช้กับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในตอนนี้เริ่มได้ผลบ้างแล้ว อย่างน้อยก็เริ่มสร้างแรงกดดันจนเก็บอาการบางอย่างเอาไว้ไม่อยู่เหมือนกัน ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากวิธีการรับมือของทางการที่เลือกใช้วิธีการ “แบบทหาร” หากพิจารณาเฉพาะกรณีพวกเด็กๆ นักศึกษากลุ่มหนึ่งที่ยกขบวนเตรียมไปป่วนที่อุทยานราชภักดิ์เมื่อวันก่อนก็ต้องถือว่า “พลาด” เหมือนกัน โดยเฉพาะการประกาศปิดอุทยานฯหนึ่งวันถือว่าทำให้ชาวบ้านที่ตั้งใจเดินทางไปชื่นชมต้องเสียอารมณ์ไปบ้าง และจากเดิมที่ไม่ค่อยสนใจ แต่พอเกิดเรื่องแบบนี้ก็จำเป็นต้องถามไถ่ถึงที่มาที่ไป มีการวิพากษ์วิจารณ์กันไปผิดๆ ถูกๆ ต่างๆ นานา

แน่นอนว่า หากพิจารณาถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มที่เรียกว่า “ประชาธิปไตยใหม่ ประชาธิปไตยศึกษา” อะไรนั่น มองจากแบ็กกราวนด์ก็ล้วนเดินมาในทางเดียวกับพวกเครือข่ายของทักษิณ ชินวัตร ที่มาในแบบของนักวิชาการ และนักศึกษา ที่ส่วนใหญ่แฝงตัวอยู่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ผ่านมาก็มีการผลุบโผล่อยู่เป็นระยะไม่ค่อยได้รับความสนใจจากสังคมส่วนใหญ่ มีเพียงพวกสื่อกันเองที่คอยรายงานความเคลื่อนไหวกันแบบเฉพาะเจาะจงเกินเหตุ

อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์จับกุมและมีภาพของสารวัตรทหารเข้าจับกุมนักศึกษากลุ่มนี้ตามสื่อที่มีการนำเสนอเป็นข่าวนำในวันรุ่งขึ้นก็ต้องบอกว่าพวกเขาทำสำเร็จ อย่างน้อยก๋เรียกความสนใจได้เกินคาด และเชื่อว่า คงไม่หยุดอยู่แค่นี้ จะมีแนวร่วมที่มีการออกแบบไว้แล้วออกมาผสมโรงแสดงความเห็นกันเป็นพรวน

ที่น่าสังเกตก็คือ จากนี้ไปการเคลื่อนไหวจะเริ่มย้ายเข้าไปในรั้วมหาวิทยาลัย จะมีการตั้งโต๊ะแถลง มีการอภิปรายกันแบบเปลี่ยนหน้ากันมา เนื้อหาก็แน่นอนว่าต้องโจมตีเรื่องการปิดกั้นเสรีภาพ ละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่เมื่อพิจารณาถึงแบ็กกราวนด์ของคนกลุ่มนี้หรือแนวร่วมที่จะโผล่ออกมาล้วนหน้าเดิม “ขาประจำ” ที่แนบแน่นอยู่กับเครือข่ายของ ทักษิณ ชินวัตร ทั้งสิ้น ซึ่งคนพวกนี้ไม่เคยมองเห็นถึงเรื่องการทุจริตฉ้อฉลในรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มองไม่เห็นถึงการจัดตั้งกลุ่มติดอาวุธของคนเสื้อแดงที่คอยลอบทำร้ายฝ่ายตรงข้าม

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ถือว่าเป็นความโชคดีของรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีอยู่ก็คือ ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังให้การสนับสนุนโดยเฉพาะในตัวผู้นำคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พิสูจน์ได้จากผลสำรวจล่าสุดที่ยังมั่นใจถึงเรื่องการปราบปรามการทุจริตสูงถึงกว่าร้อยละ 80 แต่ก็ยังประมาทไม่ได้หากเขาไม่สามารถจัดการกับเรื่อง “ปมอุทยานราชภักดิ์” อันน่ารำคาญใจได้อย่างเด็ดขาด

ที่น่าสนใจก็คือ นับจากนี้ไปจะเริ่มมีการเคลื่อนไหวจากฝ่ายตรงข้ามในรูปแบบต่าง ๆ จะออกมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง กรณีของกลุ่มเคลื่อนไหวที่มาในแบบนักศึกษาที่มักใช้ชื่อประเภท “ประชาธิปไตย” นั่นนี่ หลังจากก่อนหน้าได้มีการนำร่องด้วย “สองเกลอหัวขวด” อย่าง จตุพร พรหมพันธุ์ และ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่พยายามจุดไฟเรื่องปมค่าหัวคิวการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์มาแล้วแต่แป้ก เพราะชาวบ้านเขามองออกมาว่า “มีวาระซ่อนเร้น” เคลื่อนไหวเพื่อกดดันกลบเกลื่อนช่วยเหลือ “นายหญิง” คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่กำลังเสี่ยงคุก เสี่ยงถูกยึดทรัพย์จากความผิดโครงการรับจำนำข้าวในเวลานี้

แน่นอนว่า ในภาพรวมก็ต้องบอกว่าพวกเขากำลังเริ่มเดินเกมรุกอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าแต่ละรายการที่พยายามเสนอกันออกมาจะไม่ได้ผล ไม่ได้รับความสนใจบ้าง แต่เมื่อมีการโหมออกมาอย่างต่อเนื่องก็หวังว่ามันอาจจะจุดติดได้สักเรื่อง หรือในทางกลับกันอีกด้านหนึ่งหวังว่าฝ่ายรัฐบาล และ คสช. จะ “พลาดเอง” ด้วยการมองเกมไม่ขาด มีวิธีคิดแบบทหารหลงไปติดกับ เหมือนกับที่พลาดตอนจัดการกับพวกเด็กนักศึกษาและการปิดอุทยานฯห้ามเข้าหนึ่งวัน กลายเป็นว่าเรียกความสนใจชิงพื้นที่ข่าว

ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งกลายเป็นว่าเวลานี้ฝ่ายรัฐบาล และ คสช. ก็ยังไม่ยอมปิดเงื่อนไข ทำให้ฝ่ายตรงข้ามได้ฉวยโอกาสบ่อนเซาะได้ทุกวันนั่นคือยังปิดทางไม่ให้หน่วยงานตรวจสอบจากภายนอก อย่างเช่น ยังไม่ยอมให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยยังมอบหมายให้คณะกรรมการสอบสวนจากกระทรวงกลาโหมที่นำโดย พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นประธานสอบ แม้ว่านาทีนี้ไม่ได้ติดใจในตัวประธาน หรือ พล.อ.ชัยชาญ แต่ประเด็นก็คือมันไม่ได้ตอบโจทย์ เพราะถึงอย่างไรชาวบ้านก็ยังมองว่านี่ คือ “ทหารสอบทหาร” เสียเวลาเปล่า

อย่างไรก็ดี เมื่อยังเดินหน้ากันแบบนี้ ยังเชื่อมั่นว่าเอาอยู่ก็ตามใจ แต่สำหรับชาวบ้านที่ติดตามสถานการณ์มาอย่างต่อเนื่องแบบรู้ทันต้องบอกว่า มัน “มาผิดทาง” มีแต่ทำให้เปิดช่องสร้างเงื่อนไขให้ฝ่ายตรงข้ามดิสเครดิตในเรื่องการปราบปรามทุจริต แค่หยิบยกเรื่องแบบนี้มาเยาะเย้ยรายวันมันก็หัวเสียแล้ว ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องระวังก็คืออย่ามั่นใจถึง “อำนาจพิเศษ” ในมือมากนัก เพราะยังเชื่อว่าความเชื่อมั่นศรัทธาที่มีให้มากกว่าที่ทำให้รัฐบาลมีความมั่นคง

แต่ขณะเดึยวกัน ความเชื่อมั่นศรัทธาดังกล่าวมันก็ต้องพิสูจน์ให้เห็นจากการทำจริง เช่น หากประกาศว่าการป้องกันและปราบปรามการทุจริตเป็นวารแห่งชาติ ก็ต้องทำอย่างจริงจังให้เห็น อย่าให้ชาวบ้านมีความเข้าใจไขว้เขว หรือรู้สึกไปว่าเลือกปฏิบัติ หรืออย่าพยายามทำให้เกิดความรู้สึกเปรียบเทียบว่าเงินทุจริตจำนวนเล็กน้อยเมื่อเทียบกับอีกโครงการหนึ่ง เพราะโกงก็คือโกง และที่สำคัญในยุคที่ตื่นตัวในเรื่องการปฏิรูปการแสดง “สปิริต” เป็นตัวอย่างเป็นเรื่องสำคัญกว่า

อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าเป็นห่วงอีกอย่างหนึ่ง ก็คือ นับจากนี้ไปเชื่อว่าฝ่ายตรงข้ามจะยิ่งโหมแรงหนักมือยิ่งขึ้น และเปลี่ยนหน้ากันมาทุกรูปแบบ จนทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. เสียสมาธิ และบางจังหวะหากเกิดฟลุกขึ้นมา “ไม้ขีดไฟราคาถูก” ที่นำมาใช้ในเวลานี้เกิดจุดไฟติดขึ้นมามันก็เสี่ยงต่อโรดแมปที่กำลังเดินไปตามกรอบอาจพังครืนก็ได้ อย่าประมาทเป็นอันขาด!!
กำลังโหลดความคิดเห็น