ไม่ล้ม! อีเวนต์นั่งรถไฟไปส่องแสงหากลโกง “อุทยานราชภักดิ์” กลุ่มประชาธิปไตยใหม่ - ประชาธิปไตยศึกษา นัดที่เดิม อ้างร่วมขบวนส่องแสงหาทุจริต ด้าน “ศูนย์ทนายความสิทธิมนุษยชน” โผล่แถลงการณ์ ร้องหยุดคุกคามนักศึกษา ด้าน “แม่จ่านิว” เข้าพบทหารปรับทัศนคติ ปล่อยตัวแทนแล้ว เผย “จ่านิว” ก็ปลอดภัยดี
วันนี้ (6 ธ.ค.) มีรายงานว่า ในสื่อสังคมออนไลน์ของกลุ่มประชาธิปไตยศึกษา กลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ยังคงมีการนัดหมาย และแชร์กัน ว่า ในวันที่ 7 ธ.ค. นี้ เวลา 07.00 น. ที่สถานีรถไฟธนบุรี (บางกอกน้อย) กลุ่มยังจะจัดกิจกรรม “นั่งรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ ส่องแสงหากลโกง” โดยจะร่วมกันโดยสารรถไฟฟรี ขบวนที่ 255 ธนบุรี - หลังสวน มุ่งหน้าสู่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อถึงป้ายหยุดรถที่สวนสนประดิพัทธ์ เวลาประมาณ 12.00 น. จะเดินทางต่อไปยังอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน โดยผู้ที่จะตามไปสมทบทางรถยนต์นั้น จะพบกันที่หาดสวนสนประดิพัทธ์ หลังจากเมื่อถึงอุทยานราชภักดิ์ กลุ่มดังกล่าวจะอ่านแถลงการณ์ และส่องไฟฉายหากลโกง ก่อนจะเดินทางกลับชายหาดสวนสนประดิพัทธ์ ซึ่งมีการจัดเสวนายามบ่ายในวันเดียวกัน
มีรายงานข่าวว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ มีเจ้าหน้าที่ทหารโทรศัพท์ เข้าพบและพูดคุยกับมารดา ของนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ “จ่านิว” นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ แกนนำกลุ่มประชาธิปไตยศึกษา โดยสอบถามถึงที่อยู่ของจ่านิว พร้อมเชิญมารดาจ่านิวไปที่ค่ายทหาร ทราบว่า อยู่ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์และช่วยเหลือประชาชน บก.ควบคุม ร.2 พัน2 รอ. วัดสุทธิสะอาด เขตมีนบุรี เพื่อพูดคุยก่อนจะปล่อยตัวกลับในช่วงเย็นวันเดียวกัน
อีกด้าน ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ออกแถลงการณ์ระบุว่า จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ทหารขอให้นายสิรวิชญ์ ยกเลิกการเดินทางไปจัดกิจกรรมที่อุทยานราชภักดิ์ในวันที่ 7 ธ.ค. และขอให้เข้าไปพบ แต่นายสิรวิชญ์ ไม่เข้าพบ จึงเดินทางไปพบมารดานายสิรวิชญ์ที่บ้านพัก ขอให้มารดาห้ามนายสิรวิชญ์จัดกิจกรรมพร้อมทั้งกล่าวในทำนองข่มขู่
ล่าสุด เช้าวันที่ 6 ธ.ค. 2558 เจ้าหน้าที่ทหารติดต่อมารดาของนายสิรวิชญ์ให้ไปพบยังค่ายทหารในช่วงบ่ายวันนี้ (6 ธ.ค.) ศูนย์ทนายความฯ เห็นว่า พฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่ทหารเป็นการคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชน และไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากคำสั่งหัวหน้ารักษาความสงบฉบับที่ 3/2558 ได้ให้อำนาจเจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อยเรียกให้บุคคลใดมารายงานตัว หรือมาให้ถ้อยคําในเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน และความผิดอันเป็นการฝ่าฝืนประกาศหรือคําสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือคําสั่ง หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเท่านั้น
ดังนั้น หากมีการควบคุมตัวมารดานายสิรวิชญ์ ซึ่งไม่เข้าข่ายการกระทำความผิดใด ๆ ใน 4 ประเภทดังกล่าวข้างต้นนั้น ย่อมเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย นอกจากนี้ การกระทำดังกล่าวยังเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย มาตรา 309 และมาตรา 310 ความผิดต่อเสรีภาพ และเป็นการควบคุมตัวบุคคลโดยอำเภอใจอันขัดต่อข้อ 9 กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ซึ่งบุคคลใดเพื่อประโยชน์ผู้ถูกคุมขังสามารถยื่นคำร้องขอให้ศาลปล่อยตัว เนื่องจากการควบคุมตัวไม่ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 90 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา จึงขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ทหารยุติการคุกคามประชาชน โดยการอ้างอำนาจตามคำสั่งหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติที่ 3/58 ซึ่งออกตามความมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 อย่างไม่มีขอบเขตในทันที
ด้าน นายรังสิมันต์ โรม แกนนำกลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ เปิดเผยว่า แม้ขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อกับ นายสิรวิชญ์ เสรีวิวัฒน์ หรือ จ่านิว สมาชิกกลุ่มประชาธิปไตยศึกษา แต่ตนยืนยันว่าจะมีผู้ประสานงานต่อเพื่อดำเนินการจัดกิจกรรม “นั่งรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ ส่องแสงหากลโกง” ในวันที่ 7 ธ.ค. นี้ ต่อไป แต่กำหนดการกิจกรรมอาจถูกเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม ล่าสุด จากการทีได้ติดต่อกับเพื่อน ๆ ทราบว่า นายสิรวิชญ์ ยังปลอดภัยดี
นายสมบัติ บุญงามอนงค์ “บก.ลายจุด” แกนนอนกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง เขียนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า การเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ คือ “สิทธิขั้นพื้นฐาน” ในการเดินทางของประชาชน ก่อนหน้านี้ มีคนเดินทางไปอยู่แล้วจำนวนมากกลับไม่ถูกห้ามปราม ต่างจากกรณีของ “จ่านิว” กรณีนี้จึงเป็นการคาบเกี่ยวระหว่าง “เสรีภาพการเดินทาง” กับ “กิจกรรมทางการเมือง”
“มาตรการด้านความมั่นคง” กำลังเกยกับ “เสรีภาพในการเดินทาง” ของประชาชน
ปมอุทยานราชภักดิ์ จึงกำลังเป็น “ประเด็นความอ่อนไหว” ของผู้มีอำนาจ มีความพยามยามหยุดกระแส แต่ไม่สามารถกระทำได้ การห้ามบางคนบางกลุ่มไปราชภักดิ์ จึงยิ่ง “จุดกระแส” ความสนใจของสังคม พร้อมกับคำถามที่ตามมาจำนวนมาก เพราะการชี้แจงที่ยังไม่ชัดเจนในหลายประเด็น
การห้ามคนไปราชภักดิ์จึงเป็น “แนวร่วมมุมกลับ” ยิ่งกระพือดราม่าบนหน้าสื่อ ทำให้ความสนใจกลับมาหน้าสื่อมากขึ้น การห้าม “จ่านิว” ยิ่งเพิ่มดราม่า และถ้าเชิญ “แม่จ่านิว” เข้าค่ายทหารยิ่งเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ยิ่ง “ต่อลมหายใจ” ให้กับประเด็นตรวจสอบราชภักดิ์
ฝ่ายรัฐต้องอธิบายให้เหตุผลให้ได้ว่า การเชิญ “แม่จ่านิว” เข้าค่ายทหาร ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง หรือเป็นคู่กรณี ทำไปเพื่อเหตุใด..“มันเกินเลย”
มีรายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ “จ่านิว” นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ แกนนำกลุ่มประชาธิปไตยศึกษา ได้เขียนผ่านสังคมออนไลน์ ว่า ผมขอแจ้งให้ทุกท่านทราบว่า ตอนนี้ผมยังไม่ถูกใครควบคุมตัว และผมขอยืนยันว่า กิจกรรมนั่งรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ ส่องแสงหากลโกง จะดำเนินต่อไป 7 ธันวา 7 โมงเช้า พบกันที่สถานีรถไฟธนบุรี (บางกอกน้อย)
ต่อให้ผมถูกคุมตัว หรือผมจะตายไปก็เถอะ กิจกรรมนี้ก็ไม่เลิก คงได้พบกันอีกที วันที่ 7 ธันวา เลยล่ะ เพราะเขาว่า “ถ้าไม่คุยกัน ก็จะรวบ เจอที่ไหนก็จะรวบ รวบแบบเงียบ”
ท่านทั้งหลาย ถ้าผมไปคุย แล้วไม่ยอมหยุดกิจกรรม ผลจะเป็นอย่างไร เขาคิดว่า จะรวบตัวผมเงียบ แล้วให้เรื่องวันที่ 7 ไม่เกิดขึ้น ฝันไปหรือเปล่า พี่ทหาร
คำหนึ่งที่ฟังเลยผมไม่พออย่างมากมาก “เดี่ยวชีวิตจะอยู่ไม่เป็นสุข” แถมยังบอกแม่ผมตลอดเวลาว่า “ทำไมไม่ห้าม ปล่อยให้ไปได้อย่างไร ถ้าไปจะรวบตัวแบบสองคนนั้น (คงหมายถึงณัฐวุฒิ กับจตุพร)
คำสองคำ ก็จะรวบ คำสองคำ ก็จะคุมตัว ต่อให้ผมถูกควบคุมตัวที่สถานีรถไฟธนบุรี พ่อแม่พี่น้องประชาชน เพื่อนนักกิจกรรมที่เตรียมไปด้วย ต้องไปถึงปลายทางที่อุทยานราชภักดิ์อย่างแน่นอน วันที่เจ็ด เจ็ดโมงเช้า เจอกันนะครับ
วันสองวันนี้ผมคงอยู่แบบเสรีชนปกติได้ยากล่ะครับ เพราะพวกเขาจะเอาตัวผมให้ได้ เจอกันที่ บางกอกน้อย ธนบุรี นะครับ หวังว่าจะได้เจอกันนะครับ.