นายกรัฐมนตรีรับเป็นห่วงความปลอดภัย “ปั่นเพื่อพ่อ” แต่ต้องทำให้เรียบร้อย แนะช่วยกันสอดส่องคนแปลกหน้า แปลกปลอม และเฝ้าระวัง ชี้น้ำยังเป็นเรื่องสำคัญ สั่งทำแผนบริหารจัดการทั้งระบบ ให้รู้มีอยู่เท่าไหร่ เอาไปทำอะไร ระบุพื้นที่ฝนตกมีคนทำนาปรังเหตุเก็บน้ำไว้ในนาได้ ย้ำเกษตรกรเปลี่ยนการผลิตต้องขึ้นบัญชีเพื่อให้รัฐช่วยดูแล
วันนี้ (10 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 13.20 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 88 พรรษา 5 ธันวาคม 2558 “ปั่นเพื่อพ่อ BIKE FOR DAD” ในวันที่ 11 ธ.ค. ว่า ตนเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยเพราะคนมาร่วมกิจกรรมจำนวนมาก เส้นทางการจราจรก็ติดขัดพอสมควร ต้องดูแลอำนวยความสะดวก ในขณะเดียวกันต้องทำให้กิจกรรมนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ สำหรับคนที่พยายามพูดไปโยงนู่นโยงนี่ตนไม่สนใจตรงนี้บอกแล้วว่าทุกอย่างเป็นเรื่องของบุคคล ไม่ใช่เรื่องของทั้งหมด ผิดก็ว่าไปตามผิดก็แล้วกัน ก็ระมัดระวังการเสนอข่าวให้ดี ตนไม่ได้ห้าม แต่เบาๆ ลงบ้างก็ดี ถ้าหวังให้ทหารตำรวจทำวันเดียวทำไม่สำเร็จ เรื่องความมั่นคงปลอดภัยของชุมชน ในชุมชนท้องถิ่น ใน กทม. ประชาชนต้องร่วมมากที่สุด เพราะถ้ารู้ว่าในพื้นที่ของท่านมีใครแปลกหน้า แปลกปลอม มีพฤติกรรมยุกยิก ไม่น่าจะใช่ก็ต้องดูตรงนั้น และก่อนที่จะขี่จักรยานดูก่อนหลายวัน เฝ้าระวังไว้ก่อน ช่วยกันเฝ้าระวังกันให้หน่อย
ขณะที่ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า นายกฯ แจ้งให้ ครม.ทราบว่าขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนร่วมกิจกรรม “ปั่นเพื่อพ่อ” หรือ Bike for Dad แล้วประมาณ 5.2 แสนคน นายกฯ ฝากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้จัดเตรียมงานให้เรียบร้อยที่จะอำนวยความสะดวกให้ผู้ร่วมกิจกรรมเกิดความประทับใจ เพราะเป็นกิจกรรมที่สร้างความสุขให้คนไทยและเฉลิมพระเกียรตด้วย นอกจากนี้ยังขอให้ประชาชนมีส่วนร่วมช่วยเจ้าหน้าที่ช่วยเตรียมงาน โดยเฉพาะมาตรการรักษาความปลอดภัย ทหาร ตำรวจ คงไม่สามารถทำให้ทุกอย่างให้เกิดความปลอดภัยและเรียบร้อยได้ ฉะนั้นประชาชนทุกภาคส่วนทั้งมาร่วมปั่นจักรยาน หรือมาร่วมติดตามชม ต้องช่วยกันสอดส่องหากมีอะไรผิดสังเกตให้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใกล้เคยเพื่อให้เกิดความประทับใจร่วมกัน
นอกจานี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงสถานการณ์น้ำในขณะนี้ว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ และเป็นห่วง ถึงแม้จะมีปริมาณน้ำจะมี 4,100 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยมีการปล่อยน้ำออกทางประตูระบายน้ำทั้งทางตะวันตกและตะวันออก ในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาก็ปล่อยทุกวัน 30 กว่าล้านลูกบาศก์เมตร ตนได้สั่งการให้ไปทำแผนบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ เพื่อที่จะได้รู้ว่าวันนี้เรามีน้ำเท่าไหร่ ที่ไหน อย่างไร และน้ำเหล่านี้นำไปใช้อะไรบ้าง ซึ่งมีน้ำทั้งในเขื่อน นอกเขื่อน และในอ่างเก็บน้ำทั้งเก่าและใหม่ที่ผุดขึ้นมาเพิ่มเติม มันก็ต้องมีทั้งน้ำเขื่อน น้ำท่า น้ำฝน วันนี้เท่าที่ทราบมีการเพาะปลูกข้าวนาปรังในพื้นที่ที่มีฝนตก และเขาเก็บน้ำไว้ในนาได้ ตนอวยพรให้ปลูกและออกได้แล้วกัน ตนเกรงว่าน้ำจะหมด เพราะอาจจะเก็บน้ำได้ไม่นาน แต่นี่เป็นตัวอย่างที่ดีถ้าทุกคนสามารถเก็บน้ำไว้ในไร่นาของตัวเองได้ เป็นข้อเท็จจริงถ้าช่วงที่ฝนมากน้ำเยอะ ถ้าทำคันนาสูงๆ กว้าง ๆ ก็จะเก็บน้ำไว้ได้นาน แต่ที่ผ่านมาคันนาเหลือนิดเดียว เพราะว่าต้องการเนื้อที่ปลูกข้าวเยอะๆ ทำให้คันนาเล็กลง รวมถึงค่าแรงของรถไถ่ ถ้าคันนาสูงมันแพงเพราะรถไถ่จะต้องไต่ขึ้นและลง ตรงนี้เป็นรายละเอียดเล็กน้อย ก็ต้องไปพิจารณา
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สำหรับการดูแลเรื่องการเกษตร หลายคนกังวลว่าถ้าปลูกพืชใหม่แล้วจะไปขายที่ไหน เรื่องนี้ได้ออกไป 7 มาตรการแล้วก็ต้องไปทบทวนดู และมีอีก 8 มาตรการ ซึ่งในมาตรการที่ 4 นั้นเป็นสิ่งสำคัญและกำลังดำเนินการอยู่ว่าประชาชนที่สมัครเปลี่ยนการปลูกพืชให้มาติดต่อกับส่วนราชการ และเราจะส่งเสริมช่วยในเรื่องต้นทุนการผลิต การตลาด แต่เกษตรกรจะต้องขึ้นบัญชีกับรัฐให้รัฐดูแล ถ้าช่วยกันก็จะเกิดผลสัมฤทธิ์ จะได้เป็นแรงจูงใจให้เขาเห็นว่า ถ้าทำแบบนี้เขาถึงรอด ถ้าทุกคนยังทำเหมือนเดิมมันไม่รอด เพราะขึ้นอยู่กับดินฟ้าอากาศ