นายกฯ ประชุมความคืบหน้างานพระราชทานเพลิงพระศพพระสังฆราชฯ ฉุน ไม่ให้สัมภาษณ์ ไล่สื่อไปดูใครเขียนว่า
วันนี้ (28 ต.ค.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เพื่อติดตามความคืบหน้าการเตรียมการจัดพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระสังฆราช ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยภายหลังการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ขณะที่ผู้สื่อข่าวพยายามถามนายกฯถึงเหตุผลไม่ให้มีการซักถามในที่ประชุมแม่น้ำ 5 สาย โดยนายกฯกล่าวสั้น ๆ ว่า “ไม่มีประโยชน์” และช่วงที่กำลังเดินกลับขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า หันมาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน และสีหน้าไม่พอใจพร้อมชี้นิ้วมาทางผู้สื่อข่าว ว่า “ไปดูใครเขียนว่าผมยังไง”
ด้านแหล่งข่าวใกล้ชิดนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ให้นโยบายในการประชุมแม่น้ำ 5 สายนั้น เพื่อให้ทั้งหมดรู้โจทย์ รู้ปัญหาในการดำเนินการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลในห่วงที่ผ่านมา ว่าได้ทำอะไรไปบ้าง และปัญหาอยู่ที่ตรงไหน ซึ่งเวลาจะทำแผนปฏิรูปจะต้องมีข้อมูล เพื่อทราบแนวความคิดและเหตุผลว่าทำไม และอยากให้แม่น้ำทั้ง 5 สายหารือกันอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ โดยที่ผ่านมา รัฐบาลและ คสช. เริ่มปฏิรูปในระยะที่ 1 ไว้แล้ว ในเรื่องเร่งด่วน และต้องทำให้จบภายใน 1 ปี ก่อนเดือน ก.ค. 2560 หากไม่จบก็จะไปรวมอยู่ในแผนปฏิรูปที่ส่งให้รัฐบาลหน้าดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ต้องนำแนวทางดังกล่าวไปจัดทำแผนปฏิรูป พร้อมนำแนวทางของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) มาจัดกลุ่มกิจกรรม วิธีการ ซึ่งต้องกำหนดด้วยว่า ใครจะทำหน้าที่เริ่มจัดลำดับงานย่อย ลำดับงานความเร่งด่วน เพื่อเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ออกกฎหมาย มีผลบังคับใช้ได้เดือน ก.ค. 2560 เรื่องไหนที่ไม่สำเร็จ หรือต้องดำเนินการต่อเนื่องในระยะ 2 แลพ 3 หรือต้องใช้ระยะเวลาการดำเนินการนานกว่านั้น ทางคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จะต้องหาวิธีการบัญญัติไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ สนช. ออกกฎหมายลูกให้เกิดความยั่งยืน โดยต้องมีวิธีการที่กำหนดให้รัฐบาลหน้าต้องนำไปปฏิบัติอย่างไร ซึ่งบางเรื่องอาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการต่อเนื่องหลายรัฐบาล ทั้งหมดคือเจตนารมณ์ของนายกรัฐมนตรี ที่วันนี้ทำหน้าที่ในบทบาททั้งหัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการนำพาประเทศไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ แบบมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน