โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบโต้องค์กรฮิวแมน ไรต์วอตช์ ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ยูเอ็นกดดันนายกรัฐมนตรีเร่งจัดการเลือกตั้งในไทย ระบุเจตนารมณ์การฟื้นฟูและวางรากฐานระบอบประชาธิปไตย ไม่ต้องการสร้างระบอบประชาธิปไตยแบบฉาบฉวย อ้างการเลือกตั้ง ยืนยันใช้มาตรา 44 ในเชิงสร้างสรรค์
วันนี้ (24 ก.ย.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่องค์กรฮิวแมน ไรต์วอตช์ ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้สมัชชาสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กดดัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย ที่ไปร่วมประชุมเร่งจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว ว่า รัฐบาลชุดนี้มีเจตนารมณ์สำคัญ คือ การฟื้นฟูและวางรากฐานระบอบประชาธิปไตยให้มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้นในอนาคต ไม่ต้องการสร้างระบอบประชาธิปไตยแบบฉาบฉวย หรือกล่าวอ้างการเลือกตั้งเป็นทางออกอย่างเดียวในการแก้ปัญหาของประเทศ แต่ต้องการใช้โอกาสนี้ปฏิรูปทุกภาคส่วน ทุกมิติ ให้เดินคู่ขนานไป เพื่อทำให้ระบอบประชาธิปไตยเข้มแข็ง
“เวทีสมัชชาสหประชาชาติ จะเป็นหนึ่งในเวทีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ส่งสัญญาณออกไปถึงนานาชาติ ต่อกระบวนการพัฒนาประชาธิปไตยของรัฐบาล ว่า ได้เดินตามโรดแมปที่วางไว้อย่างเคร่งครัดชัดเจน และได้รับกำลังใจจากคนไทยจำนวนมาก ทั้งในประเทศและทั่วโลก เพราะทุกคนเชื่อมั่นว่า เมื่อถึงกำหนดเวลาเลือกตั้งตามโรดแมป ทุกอย่างจะมีความโปร่งใส มีความพร้อม ส่งไม้ต่อทางการเมือง ทำให้ประเทศชาติดีขึ้น เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ฮิวแมน ไรต์วอตช์ อ้างว่า รัฐบาลใช้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ ละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือทำลายคนเห็นต่างนั้น ไม่เป็นความจริงแต่ประการใด เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้มาตรา 44 ในเชิงสร้างสรรค์ เพื่อปฏิรูปและขับเคลื่อนประเทศ แก้ปัญหาที่ซับซ้อนในเวลาที่จำกัด ดังเช่น 3 เรื่องหลัก ๆ คือ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ การแก้ปัญหาบริหารงาน และการปราบปรามการทุจริต ขณะที่การเชิญให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปปรับทัศนคตินั้น ส่วนใหญ่มีความเห็นทางการเมืองที่ค่อนข้างรุนแรง อาจนำไปสู่ความแตกแยกของคนในชาติ หรือกลับไปสู่วังวนเดิม ซ้ำเติมประเทศไม่จบไม่สิ้น โดยรัฐบาลยังคงสนับสนุนสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชนอย่างเต็มที่ ไม่ได้มีคำสั่งห้าม ปิดกั้น หรือไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์ แต่ทั้งหมดต้องอยู่ในขอบเขต และจรรยาบรรณของวิชาชีพ มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ของบ้านเมืองด้วย