“อุดมเดช” ยันสอบบึ้มราชประสงค์คืบหน้าไปมาก แนะให้เข้าใจตำรวจ การสืบสวนข้อมูลต้องละเอียด รอบคอบเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงชัดเจน ไม่ใช่แค่มองแล้วนำมาวิเคราะห์จะทำให้หลงทาง ประเทศจะเสียหาย พร้อมปัดตอบ 2 พรรคใหญ่ต้านร่าง รธน. ให้เป็นหน้าที่ของ สปช.ที่จะพิจารณา ติงอย่าตกใจ คปป. เชื่อเป็นเจตนาดีของ กมธ.ยกร่างฯ ขอบคุณ สปช.ผ่านงบฯ 59 ระบุงบฯ กองทัพบก ส่วนใหญ่เป็นเงินเดือน เบี้ยเลี้ยง ส่วนการปรับเปลี่ยนยุทธโธปกรณ์ เพื่อให้มีศักยภาพทัดเทียบนานาประเทศในประชาคมอาเซียน
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานในพิธีบำเพ็ญกุศลและตักบาตรพระสงค์จำนวน 84 รูป เนื่องในวันคล้ายวันเปิดกองบัญชาการการบก ครบรอบปีที่ 29 โดยมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่และกำลังพลจาก 14 หน่วยร่วมพิธี ถึงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนเหตุระเบิดที่บริเวณศาลพระพรหม แยกราชประสงค์ และบริเวณท่าเรือสาทร ว่าขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก แต่ต้องยอมรับว่าคนร้ายที่ตั้งใจจะก่อเหตุคงมีการวางแผนไว้พอสมควร เราจะเชื่อถือจากสิ่งที่เรามองคร่าวๆ แล้วมาวิเคราะห์แนวโน้ม และฟันธงลงไปเลยจะทำให้หลงทาง เพราะฉะนั้นการก้าวย่างในการดำเนินการที่จะนำเอาหลักฐานไม่ว่าจะเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด หรือวัตถุพยานต่างๆ การวิเคราะห์ต้องมีความชัดเจน ดูให้ลึกซึ้งจริงๆ เราจะมาบอกว่านี้เหตุการณ์เกิดขึ้นมาสัปดาห์เศษแล้วเหมือนคดีไม่คืบหน้า แต่เนื่องจากมีพยานต่างๆ ที่ต่อเนื่องกันไป จากบุคคล และจุดต่างๆ เพราะฉะนั้นก็ต้องมีความเชื่อมโยงต่อไปให้ชัดเจนในเชิงลึกลงไปให้ได้มากที่สุด
พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ตนเห็นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งมีความพยายามในการสืบหาคนร้ายอย่างเต็มที่ และในวันนี้ก็จะกลับไปประชุมที่ศูนย์ติดตามสถานการณ์ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ร.1 รอ.ซึ่งมีการประชุมประจำวันทุกเช้าอยู่แล้ว
“เราต้องให้ความเข้าใจและเห็นใจทางเจ้าหน้าที่ บางท่านอาจไม่รู้หรือรับทราบว่าการที่จะสืบหาข้อมูลแต่ละอย่างต้องมีความละเอียดรอบคอบจริงๆ การที่จะพูดอะไรออกมาก็อาจจะมีผลกระทบ ถ้าเกิดไม่ใช้ขึ้นมาก็จะทำให้ประเทศชาติเสียหายได้ เพราะบางคนบอกว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากข้างในหรือข้างนอก ตรงนี้สำคัญต้องระมัดระวังและรอบคอบ จะชี้แจงอะไรออกมาต้องมีความชัดเจนแล้วจริงๆ ขณะนี้ประชาชนอาจจะรู้สึกว่าฟังแล้วอาจจะไม่ชัดเจนนัก ก็ต้องเรียนว่าเราอาศัยความเชื่อมโยงหลักฐานที่มีการสาว การพัวพัน จุดต่างๆ บุคคลต่างๆ หรือวัตถุพยานต่างๆ มาเพิ่มเติมจึงทำให้ใช้เวลาในการตรวจสอบเพิ่มมากขึ้นจะได้ถูกต้อง”
ผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องที่ 2 พรรคการเมืองใหญ่ออกมาคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ผบ.ทบ.กล่าวว่า เป็นเรื่องของ สปช.ที่จะต้องใช้ดุลยพินิจในการพิจารณาเรื่องนี้ว่าจะเหมาะสมอย่างไร ส่วนตนเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพที่เป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล ไม่สามารถชี้นำก้าวล่วงได้ แต่คิดว่าคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญพยายามที่จะนำปัญหาเดิมที่มีอยู่ว่าจะทำอย่างไรต่อไปให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติมากที่สุด แต่แนวความคิดและเหตุผลอาจจะต้องดูรายละเอียดกันอีกครั้ง ขอให้ สปช.และส่วนที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ส่วนตนก็จะติดตามดูเช่นกัน
ส่วนที่นักการเมืองพยายามเรียกร้องให้ คสช.เปิดกว้างในการแสดงความคิดเห็นนั้น พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ก็คงพยายามที่จะให้โอกาสอยู่แล้ว และจะดูต่อไปว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้จะให้ประชาชนรับรู้มากยิ่งขึ้น แต่วิธีการจะดำเนินการอย่างไร ถ้าดูแล้วไม่มีปัญหาเรื่องการก่อความไม่เรียบร้อย ก็คงจะพิจารณาและให้ดำเนินการต่อไป ตนอยากจะสนับสนุนแต่ก็คงต้องดูรายละเอียดอีกครั้ง ทั้งนี้ในหลักการการสร้างความรับรู้เป็นนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ได้เน้นย้ำเสมอ และปัจจุบันอยากให้ประชาชนส่วนต่างๆ รับรู้และความเข้าใจในเรื่องต่างๆ รวมถึงเรื่องนี้ด้วย
ต่อข้อถามว่ามีหลายฝ่ายเห็นว่าการมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปรองดองและการปฏิรูปแห่งชาติ (คปป.) เป็นอำนาจที่ซ้ำซ้อน พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า คณะกรรมาธิการยกร่างฯได้ให้ความเห็นแล้วว่าร่างตรงนี้ทำมาเพื่ออะไร บางทีอาจตกใจกันเกินไป แต่ก็เป็นเรื่องความคิดเห็น ซึ่งเราก็ต้องพยายามฟัง ตนเห็นว่าบางครั้งก็ไม่ฟังเหตุผลกัน เมื่อมีการคิดก็พูดออกมา ที่ผ่านมาเราเปิดโอกาสให้หลายส่วนเข้ามาชี้แจงในรายการต่างๆ ของ คสช. ขอให้รับฟังกันตรงกัน ถ้ารับไม่ได้ก็เป็นเรื่องการพิจารณาของ สปช.ต่อไป
เมื่อถามอีกว่า การเสนอตั้ง คปป.ถือว่าเป็นเจตนาดีของผู้ร่างใช่หรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นเช่นนั้น อย่าไปมองว่าจะแฝงอำนาจเพียงอย่างเดียว เพราะบางครั้งเป็นเรื่องที่จะทำอย่างไรให้ประเทศเดินหน้าพัฒนาทุกด้าน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับ สปช.จะพิจารณากันอีกครั้ง ซึ่งก็ต้องทำความเข้าใจกันต่อไป
รมช.กลาโหมกล่าวถึงสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติเอกฉันท์ผ่านวาระ 3 ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2559 วงเงิน 2.72 ล้านล้านบาทว่า ในส่วนของกองทัพบกไม่น่าจะมีอะไร ทาง สนช.มีการปรับบ้างเล็กน้อย แต่เป็นที่น่ายินดีว่าโดยภาพรวมก็ได้รับงบประมาณเพิ่มเติมมาเล็กน้อยจากปีที่ผ่านมา ทั้งนี้งบประมาณส่วนใหญ่ของกองทัพบกเป็นงบประมาณด้านกำลังพล เพราะจะต้องดูแลค่าใช้จ่ายให้กำลังพล ทั้งเรื่องเงินเดือน และเบี้ยเลี้ยงต่างๆ ประมาณเกือบ 60% ส่วนเรื่องภารกิจและงานพัฒนาอื่นๆ ทางกองทัพบกจะต้องจัดสรรงบประมาณโดยการปรับเปลี่ยนยุทโธปกรณ์ต่างๆ อาจมีบ้างแต่ไม่มากนัก เราพยายามคงสภาพเพื่อให้ศักยภาพกองทัพบกไม่ลดน้อยลงในสายตาของมิตรประเทศ บางครั้งประชาชนอาจะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเสริมสร้างยุทโธปกรณ์บางอย่าง ขอชี้แจงว่าทุกอย่างล้วนมีความจำเป็นในศักยภาพ ซึ่งไม่จำเป็นต้องไปทำการรบ แต่เรากำลังก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ดังนั้นศักยภาพและสิ่งต่างๆ ต้องเกื้อกูลการดำรงอยู่ด้วยกัน มีความทัดเทียมกัน
“ขณะนี้มิตรประเทศหลายประเทศมีความก้าวหน้าในส่วนนี้มาก แต่ของไทยถือว่ายังอยู่ในระดับที่ดี ไม่ว่าจะกองทัพใดก็ต้องพยายาม ขอให้ประชาชนสบายใจว่าทุกอย่างเป็นไปตามความฃเหมาะสมและความจำเป็น ไม่มีใครอยากนำงบประมาณไปใช้สุรุ่ยสุร่ายหรือจับจ่ายใช้สอยในทางที่ไม่เหมาะสม ทุกคนมีความระมัดระวังและระลึกเสมอว่าจะต้องทำให้ประเทศอยู่ในภาพลักษณ์ที่ดีมีความน่าเกรงขามในระดับที่เป็นที่ยอมรับ มีการพัฒนาด้านต่างๆ เป็นสากลทุกเรื่องตามนโยบายนายกรัฐมนตรี แม้ว่าอาจจะถูกปรับลดบางหมวด แต่ก็ต้องขอบคุณ สนช. และคณะกรรมาธิการที่พิจารณาเรื่องนี้ด้วยความรอบคอบ กองทัพบกสามารถดำเนินการได้ตามงบประมาณที่ได้รับ”